Category Archives: โอลิมปิก

คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ถอดสิทธิ์ IBA ไม่ให้จัดมวยโอลิมปิก 2024

ประเด็นที่ สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ หรือ ไอบา (IBA) ถูกเพิกถอนสิทธิ์จัดการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากปัญหาภายในองค์กรด้านความเป็นธรรมเรื่องการตัดสินและคอรัปชั่น ส่งผลให้ ไอบา ได้ดำเนินการปฏิรูปองค์กรอย่างหนัก เพื่อกลับมาเป็นผู้จัดการแข่งขันโอลิมปิก 2024 อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ไอบา พยายามนั้นยังไม่เป็นผล เมื่อ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ได้ตัดสินใจเพิกถอนสิทธิ์ของ ไอบา ในการเป็นผู้จัดการแข่งขันมวยสากลในโอลิมปิก 2024 เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการกำกับดูแลภายในองค์กร นี่จึงนับเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลจะเป็นผู้จัดการแข่งขันมวยสากลเอง โดยไม่มีสหพันธ์กีฬานานาชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง

คิต แมคคอนเนล ผู้อำนวยการด้านการกีฬาของไอโอซี ระบุว่า ปัญหาภายในองค์กรยังคงมีปัญหา หลังจากที่การเลือกตั้งประธานไอบาครั้งใหม่ ระหว่าง อูมาร์ เครมเลฟ ชาวรัสเซีย กับ บอริส ฟาน เดอร์ วอร์สท์ ชาวเนเธอร์แลนด์ ที่มีการคัดค้านการสมัครเป็นผู้ท้าชิงจากคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสม จน ฟาน เดอร์ วอร์สท์ ถึงขั้นเดินเรื่องถึงศาลกีฬาโลก หรือ CAS ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้เขาสามารถลงท้าชิงตำแหน่งได้ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดแตกหักที่ทำให้ไอโอซีเล็งเห็นถึงความไม่โปร่งใสที่ยังไม่สามารถเเก้ปัญหาได้

“การตัดสินใจครั้งนี้เน้นที่ตัวนักกีฬาเองเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการแข่งขันโอลิมปิก ไอโอซีจึงต้องเข้ามากำกับดูแลเอง และจะทำทุกอย่างเพื่อทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการแข่งขัน”

ขณะที่รูปแบบการคัดเลือกและการแข่งขันนั้นยังไม่มีการสรุปในประเด็นนี้ แต่การประกาศก่อนหน้านี้ มวยสากลโอลิมปิก 2024 จะชิงชัย 14 เหรียญทอง แบ่งเป็น ชาย 7 เหรียญทอง และหญิง 7 เหรียญทอง ส่วนมวยสากลโอลิมปิก 2028 ที่มีโอกาสถูกถอดออกจากการแข่งขัน ยังไม่มีการหารือเพิ่มเติม

ฟากของ ไอบา หลังจากทราบมติจากไอโอซี ก็ได้ยืนยันว่า จะจัดการเลือกตั้งประธานคนใหม่ในช่วงระหว่างวันที่ 24 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม เพื่อหวังให้ไอโอซีเปลี่ยนใจอีกครั้ง

ฝ่ายสืบสวนเผย AIBA มีการโกงผลตัดสินมวยโอลิมปิก 2016 ด้วยการยัดเงินล็อคผล

จากกรณีที่สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ หรือ AIBA เปิดการสืบสวนความโปร่งใสการตัดสินมวยสากลในโอลิมปิก 2016 ที่กลายเป็นปมปัญหาที่ทำให้ AIBA ถูกถอดสิทธิ์การเป็นผู้จัดมวยสากลในโอลิมปิก 2020

ส่งผลให้ AIBA ที่ปัจจุบันมี อูมาร์ เครมเลฟ ชาวรัสเซียเป็นประธาน ตัดสินใจว่าจ้าง ริชาร์ด แม็คลาเรน ทนายชื่อดังชาวแคนาดาพร้อมทีมงานเข้ามารับหน้าที่ตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตดังกล่าว

ประเด็นที่น่าสนใจอีกหนึ่งประเด็น ก็คือ ในรายงานฉบับนี้ ศาสตราจารย์แม็คลาเรน ได้มีการเปิดเผยว่า เขาได้พบหลักฐานว่า มีการติดสินบนผู้ตัดสินด้วยวิธีการสุดประหลาด นั่นก็คือ การยัดเงินราว 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ (3.3 ล้านบาท) ซ่อนอยู่ในหลอดยาสีฟัน และส่งไปให้กรรมการผู้ตัดสินที่พักอยู่ในโรงแรม ในคืนก่อนวันแข่งขันของนักมวยคู่นั้นๆ ขณะเดียวกัน ยังพบว่า มีการข่มขู่กรรมการที่ปฏิเสธที่จะร่วมการทุจริตในครั้งนี้

ไม่เพียงเท่านั้น การสืบสวนยังได้มีการจ้างนักสืบผู้มีประสบการณ์และพยานสำคัญกว่า 40 คน เพื่อวิเคราะห์เอกสาร, อีเมล และวิดีโอ เกือบสองล้านรายการ เพื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะพบว่า มีการดำเนินการทุจริตในลักษณะเช่นนี้อยู่จริง

การสืบสวน ไม่เพียงแค่สืบจากการแข่งขันโอลิมปิก 2016 เท่านั้น แต่ยังลงลึกไปถึงรายละเอียดในการแข่งขันรายการคัดเลือกระดับทวีป และรายการชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นก่อนการแข่งขันโอลิมปิก อีกด้วย ซึ่งก็ได้พบความผิดปกติในการแข่งขัน 11 แมตช์ แต่สำหรับไฟต์ที่ทีมสืบสวนลงลึกในรายละเอียดมีทั้งสิ้น 4 ไฟต์

โดยการแข่งขัน 11 แมตช์นั้น เกิดขึ้นจากข้อสงสัยที่ว่า กรรมการ 3 คน ให้คะแนนนักกีฬาฝ่ายหนึ่งชนะ แต่หากมีการเพิ่มกรรมการสังเกตการณ์อีก 2 คนเข้าไป จะพบว่านักกีฬาอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้ชนะแทน อย่างเช่น ในไฟต์ที่ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี พ่ายต่อ วลาดิเมียร์ นิกิติน 1-2 เสียง หากนับคะแนนจากกรรมการ 3 คน จะพบว่านักชกไทยแพ้ 1-2 เสียง แต่หากนับรวมถึงกรรมการสังเกตการณ์อีก 2 คน ที่ไม่ถูกนับรวมกับการตัดสินอย่างเป็นทางการ จะพบว่า ฉัตร์ชัยเดชา จะชนะ 3-2 เสียง

ขณะที่ในรายงานมีการระบุเพิ่มเติมในไฟต์ของฉัตร์ชัยเดชาว่า ผู้ตัดสินในไฟต์นี้ ถูกตั้งข้อสงสัยอยู่หลายคน อย่างเช่น เจอร์แมง โทนี่ ผู้ตัดสินชาวแคนาดา ที่มีการให้คะแนนต่อ นิกิติน ในไฟต์นี้ ที่แปลกกว่าปกติ เพราะในไฟต์นี้ นักวิจารณ์มวยเชื่อว่า ฉัตร์ชัยเดชา น่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก แต่คะแนนของกรรมการชาวแคนาดา กลับมาส่วนที่ทำให้ผลการแข่งขันเปลี่ยนไป

กระบวนการจากนี้ การสืบสวนของเเม็คลาเรน ยังคงดำเนินต่อไป เพราะนี่ถือเป็นเพียงขั้นตอนแรก สำหรับการเปิดโปงกระบวนการทุจริตครั้งนี้เท่านั้น

“กำปั้นบราซิล” พลิกสถานการณ์จนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020

กลายเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากสำหรับเกมการแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่น รุ่นมิดเดิ้ลเวต ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว บนสังเวียน เรียวโกกุ โคคุกิคัน อารีน่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2564 ทีผ่านมา

โดยรอบชิงเหรียญทอง เฮแบร์ต ซูซ่า กำปั้นจากประเทศบราซิล พบกับ โอเล็กซานเดอร์ คีซห์เนียค นักชกชาวยูเครน ซึ่งรูปเกมในช่วง 2 ยกแรก กำปั้นแซมบ้า ตกเป็นรองแบบสุดกู่แพ้คะแนนอยู่ 9-10 ทั้งสองยก

ซึ่งในช่วงยกสุดท้าย เฮแบร์ต ซูซ่า ต้องเดินหน้าเพื่อปิดบัญชีคู่ชกเท่านั้น ถึงจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาหยิบเหรียญทองได้ หลังคะแนนเป็นรอง 18-20 จากกรรมการทั้ง 5 ท่าน

อย่างไรก็ตาม นักชกวัย 23 ปี ก็ทำได้สำเร็จเมื่อตัดสินใจแลกหมัดแบบบ้าคลั่ง ก่อนทิ้งซ้ายเข้าเต็มคางส่ง โอเล็กซานเดอร์ คีซห์เนียค หงายท้องตึงลงไปให้กรรมการนับ ก่อนยุติการชกไปในท้ายที่สุด

จากชัยชนะในครั้งนี้ของ เฮแบร์ต ซูซ่า กำปั้นชาวบราซิล ถือเป็นคู่มวยสุดพลิกล็อกที่เกิดขึ้นในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ในครั้งนี้ทันที และเชื่อว่ามันจะอยู่ในความทรงจำของแฟนกำปั้นไปอีกนาน

“กำปั้นโคลอมเบีย” ถึงกับงง หลังไล่ถลุง “นักชกเจ้าภาพ” แต่กลับแพ้คะแนนขาดลอย

ยังคงเป็นประเด็นที่ทำให้หลายชาติแปลกใจกับผลการตัดสินในการแข่งขันกีฬามวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแม้หนนี้ทาง คณะกรรมการโอลิมปิกสากล จะยุติบทบาทของ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (IBA) ในการเข้าร่วมจัดการแข่งขันแล้วก็ตาม

แต่ล่าสุด ในการแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่นชาย รุ่นฟลายเวต (พิกัด 48 – 52 กก.) รอบ 8 คนสุดท้าย

ระหว่าง ยูเบอร์เยน มาร์ติเนซ กำปั้นชาวโคลอมเบีย ดีกรีเหรียญเงิน ริโอ 2016 กับ เรียวเมะ ทานากะ นักชกเจ้าถิ่น ก็เกิดเรื่องที่ทำให้แฟนมวยต้องแปลกใจอีกครั้ง

โดยเกมการชกต้องบอกว่าเดือดตั้งแต่ระฆังดัง กำปั้นทั้งคู่ออกมาเปิดฉากแลกหมัดกันไม่มีพัก ก่อนที่จบยกแรก ยูเบอร์เยน มาร์ติเนซ จะเป็นฝ่ายเอาชนะ 4-1 เสียง ส่วนในยกที่ 2 นักชกจากญี่ปุ่น เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-2 ทำให้ต้องไปวัดกันในยกสุดท้าย ซึ่งกรรมการต่างพร้อมใจเทคะแนนให้ กำปั้นเจ้าภาพ เอาชนะไปได้ 5-0 เสียง

ครบ 3 ยก กรรมการ 5 ท่าน รวมคะแนนก่อนชูมือให้ เรียวเมะ ทานากะ พลิกเอาชนะไปด้วยคะแนน 4-1 เสียง ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พร้อมการันตีเหรียญทองแดง สร้างความแปลกใจให้กับแฟนกำปั้นเพราะรูปเกมนั้น นักชกโคลอมเบีย ต่อยเข้าเป้าได้มากกว่า ในขณะที่ ทานากะ เน้นปล่อยหมัดชุดแต่เข้าเป้าน้อยกว่า

นอกจากนี้หลังเกมการชกจบลง เรียวเมะ ทานากะ นักชกเจ้าถิ่นที่เป็นฝ่ายคว้าชัย ได้รับความบอบช้ำอย่างหนัก ถึงขั้นลุกเดินกลับเข้าห้องพักนักกีฬาเองไม่ได้ ต้องให้ทีมงานใช้รถเข็นมารับที่ข้างสังเวียน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการเป็นการด่วน

ด้าน ยูเบอร์เยน มาร์ติเนซ กำปั้นชาวโคลอมเบีย ให้สัมภาษณ์กับ คาราโคล สถานีโทรทัศน์ในบ้านเกิดว่า “ผมไม่รู้ว่าผู้ตัดสินเห็นอะไรในการต่อสู้ แต่วันนี้ผมต้องพ่ายแพ้ ผมต้องการความยุติธรรม หลายครั้งการให้คะแนนของกรรมการดูจะไม่ถูกต้อง เราต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน แต่ทางฝ่ายจัดกลับปล่อยให้มีการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นได้อย่างไร”

สำหรับชัยชนะในครั้งนี้ของ เรียวเมะ ทานากะ กำปั้นจากจังหวัดกิฟุ ทำให้ประเทศญี่ปุ่น สามารถคว้าเหรียญรางวัล ในกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวต ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 61 ปี ซึ่งเจ้าตัวเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ โคเซะ ทานากะ นักชกแชมป์โลก 3 รุ่นของ องค์กรมวยโลก (WBO) นั่นเอง

“สุดาพร” ชนะคะแนน “กำปั้นเอกวาดอร์” เข้ารอบ 16 คน มวยสากลโอลิมปิก

การแข่งขัน มวยสากล สมัครเล่น โอลิมปิกเกมส์ 2020 ประเภทหญิง รุ่นไลท์เวต (พิกัด 57 – 60 กก.) รอบ 32 คนสุดท้าย ที่สนาม เรียวโกกุ โคคุกิคัน เมื่อวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

“แต้ว” สุดาพร สีสอนดี กำปั้นสาวชาวไทยวัย 29 ปี ดีกรีเหรียญเงิน เอเชียนเกมส์ 2018 ขึ้นสังเวียนพบกับ มาเรีย โฆเซ่ ปาลาซิออส เอสปิโนซ่า นักชกสาวดาวรุ่งชาวเอกวาดอร์วัย 22 ปี

ยกแรก กำปั้นเอกวาดอร์ ที่ช่วงชกยาวกว่าเป็นฝ่ายเดินหน้าแย็บเล่นงาน แต่ สุดาพร ก็อาศัยจังหวะฉาบฉวยบุกเข้าออกหมัดหนึ่งสองเล่นงานใบหน้าสลับลำตัวเป็นระยะ แถมท้ายยกมาได้บวกซ้ายเข้าหน้าเต็มๆ

ยกสอง รูปเกมยังเหมือนเดิม มาเรีย ปาลาซิออส ยังอาศัยความยาวเดินออกหมัดตรงเล่นงาน แต่ สุดาพร ก็ไม่หวั่นใช้ฟุตเวิร์คดึงจังหวะวนอยู่วงนอกคอยเลือกต่อยเก็บแต้มไปเรื่อยๆ

ยกสุดท้าย กำปั้นสาวชาวไทย คุมเกมไม่ประมาทเซฟตัวเองอยู่วงนอก คอยดักปล่อยซ้ายเล่นงานเป็นระยะ ด้าน นักชกสาวเอกวาดอร์ พยายามเดินบุกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก

ครบ 3 ยก กรรมการ 5 ท่านรวมคะแนนก่อนชูมือให้ จุฑามาศ จิตรพงศ์ กำปั้นชาวจังหวัดอุดรธานี เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 5-0

ผ่านเข้าไปพบกับ ซิมรานจิต คาอูร์ นักชกสาวจากอินเดีย ดีกรีแชมป์โลก 2018 และแชมป์เอเชียคนล่าสุด ในรอบ 16 คนสุดท้ายต่อไป

“IOC” สั่งแล้ว ย้ายสังเวียนคัดมวย “โอลิมปิก” จากอู่ฮั่นไปจอร์แดน

Boxing-270

ไอโอซีเมมเบอร์” เผย คณะทำงานพิเศษของไอโอซีซึ่งทำหน้าที่จัดการแข่งขันมวยโอลิมปิก 2020 ประกาศเลือกกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เป็นเจ้าภาพรอบคัดเลือกโซนเอเชีย-โอเชียเนีย แทนเมืองอู่ฮั่น ของจีน ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ส่วนวันแข่งขัน ขยับจากวันที่ 3-14 ก.พ. ไปเป็นวันที่ 3-11 มี.ค.นี้

วันที่ 25 ม.ค.2563 คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) กล่าวว่า ไอโอซีประกาศเลือกกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เป็นเจ้าภาพมวยโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย-โอเชียเนีย

แทนเมืองอู่ฮั่น ของจีน ซึ่งกำลังเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ พร้อมกันนี้ยังยืนยันเลื่อนวันแข่งขันจากเดิม ระหว่างวันที่ 3-14 ก.พ. ไปเป็นระหว่างวันที่ 3-11 มี.ค.นี้

คณะทำงานพิเศษของไอโอซี ที่ทำหน้าที่จัดการแข่งขันมวยโอลิมปิก 2020 ออกแถลงการณ์ยืนยันกำหนดการใหม่ หลังอนุมัติข้อเสนอของคณะกรรมการโอลิมปิกจอร์แดน พร้อมระบุว่า รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการและการคมนาคมขนส่ง จะแจ้งไปยังคณะกรรมการโอลิมปิกประเทศต่าง ๆ รวมถึงสมาคมมวยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องภายในอีกไม่กี่วัน

นอกจากนี้ คณะทำงานพิเศษของไอโอซี ที่ทำหน้าที่จัดการแข่งขันมวยโอลิมปิก 2020 ยังขอบคุณประเทศต่าง ๆ ที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาให้พิจารณา เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพแทนเมืองอู่ฮั่น แม้จะมีเวลาเตรียมตัวแบบกระชั้นชิดก็ตาม

ก่อนหน้านี้ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (IFC) ก็เพิ่งประกาศย้ายสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือก กลุ่มบี ที่มีทีมชาติไทยอยู่ร่วมสาย ไปแข่งที่เมืองนานกิง ของจีน แทนเมืองอู่ฮั่น แต่ยังคงยึดช่วงเวลาแข่งขันเดิม คือ ระหว่างวันที่ 3-9 ก.พ.นี้

การเปลี่ยนแปลงกำนดการและสถานที่จัดการแข่งขันมวยโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย-โอเชียเนีย ทำให้กรุงดาการ์ ของเซเนกัล เจ้าภาพโซนแอฟริกา จะกลายเป็นสถานที่แรกที่เปิดฉากการแข่งขันมวยโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือก โดยมีกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-29 ก.พ.นี้

หนี้แค้น 3 ปีไม่สาย! “คอนแลน” ต้อนแต้ม “นิกิติน” รีแมตช์กำปั้นอลป. (คลิป)

Boxing-262

ถือเป็นไฟต์ที่แฟนกำปั้นเฝ้ารอคอยการเจอกันมานานกว่า 3 ปี

สำหรับ ไมเคิ่ล คอนแลน กำปั้นชาวไอร์แลนด์ และ วลาดิเมียร์ นิกิติน นักชกชาวรัสเซีย ที่เคยมีปัญหากันในการชกมวยสากลสมัครเล่น ในศึกโอลิมปิก เกมส์ 2016 ที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล

ซึ่งในการชกครั้งนั้น ตลอดเกมการชก นักชาวไอริช เป็นฝ่ายทำได้เหนือกว่าตลอดการชกทั้ง 3 ยก แต่ผลการแข่งขันกลับเป็น นักชกชาวรัสเซีย ที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ได้สำเร็จ สร้างความกังขาเป็นอย่างมาก หลังก่อนหน้านี้นักชกหมีขาวเพิ่งเอาชนะ ฉัตร์ชัย บุตรดี นักชกไทยแบบกังขาคนทั้งโลก

โดยหลังการประกาศผล ไมเคิ่ล คอนแลน ไม่พอใจผลการชกเป็นอย่างมากถึงขั้นชูนิ้วกลางบนเวทีให้คณะกรรมการตัดสิน และทำการประท้วงพร้อมทั้งกล่าวโจมตี สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบ้า) “ไอ้พวกทุจริต พวกเขาแย่งความฝันในกีฬาโอลิมปิกของผมไป”

“รัสเซียไม่ใช้สารกระตุ้นก็จริง แต่พวกเขาอาจต้องจ่ายเงินให้ผู้ตัดสินแน่นอน ผมมั่นใจ จากนี้ไปผมจะไม่มีวันเข้าแข่งขันในรายการที่ไอบ้าจัดอีกต่อไป” กำปั้นไอริช กล่าว

หลังเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมา 3 ปี เส้นทางกำปั้นทำให้นักชกทั้งคู่หวนมาเจอกันอีกครั้งในแบบฉบับมวยสากลอาชีพ ในการชิงแชมป์ องค์กรมวยโลก (WBO) อินเตอร์ฯ รุ่นเฟเธอร์เวท ที่สังเวียน เมดิสัน สแควร์ การ์เด้น, นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ซึ่งเกมการชก ไมเคิ่ล คอนแลน เจ้าของเข็มชัดแชมป์อินเตอร์ฯ เป็นฝ่ายไล่ต่อยได้จะแจ้งกว่าตลอดการชกทั้ง 10 ยก ก่อนที่กรรมการจะรวมคะแนนให้เจ้าตัวเป็นฝ่ายลบตราบาปในชีวิตด้วยการชนะแบบเอกฉันท์ 100-90, 98-92 และ 99-91 ป้องกันแชมป์ไว้ได้เป็นครั้งที่ 3 นอกจากนี้ยังยัดเยียดความปราชัยไฟต์แรกให้กับ วลาดิเมียร์ นิกิติน อีกด้วย

หลังการชก ไมเคิ่ล คอนแลน เผยว่า “มันเป็นการต่อสู้ที่กดดันที่สุดไฟต์หนึ่งในชีวิต ผมดีใจที่สามารถเอาชนะได้ ผมแค่ต้องการเอาสิ่งนั้นกลับมา ผมต้องการแก้ไขสิ่งผิดพลาด อย่างไรก็ตามเราต้องให้เครดิตกับ นิกิติน เขาต่อสู้ด้วยใจนักสู้ ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงตอนนี้ผมไม่มีอะไรค้างคาใจอีกต่อไป”