Category Archives: WBC

ประธาน “WBC” ได้ออกมาชี้ขาดแบบนี้หลัง “เจสซี่” ได้สละแชมป์โลก 115 ปอนด์

จากกรณีที่ “แบม” เจสซี่ โรดริเกวซ กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ เจ้าของแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) ได้ตัดสินใจสละเข็มขัดแชมป์รุ่น 115 ปอนด์ เพื่อกลับไปมุ่งมั่นกับน้ำหนักเดิม 112 ปอนด์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การสละเข็มขัดแชมป์โลกในครั้งนี้ของ นักชกดาวรุ่งวัย 22 ปี จะทำให้ตำแหน่งแชมป์โลก รุ่น 115 ปอนด์ ของ WBC ว่างลง แถมปัจจุบัน “เอล กัลโล่” ฮวน ฟรานซิสโก เอสตราด้า ก็ถูกยกให้เป็นแชมป์แฟรนไชส์ของสถาบันเรียบร้อย

งานนี้ทำให้แฟนกำปั้นโดยเฉพาะชาวไทยที่หวังว่า สภามวยโลก (WBC) จะประกาศให้มีการชิงแชมป์ว่างในรุ่นนี้ เนื่องจาก “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น อดีตแชมป์โลกชาวไทย ก็มีอันดับในรุ่นนี้อยู่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตามล่าสุด มัวริซิโอ สุไลมาน ประธานใหญ่ สภามวยโลก (WBC) ได้ออกมาสยบข่าวลือ และเรื่องราวทั้งหมด โดยตัดสินใจชี้ให้เกมการชกรีแมตช์ระหว่าง ฮวน ฟรานซิสโก เอสตราด้า กับ “ช็อคโกลาติโต้” โรมัน กอนซาเลซ ยอดกำปั้นชาวนิการากัว ในวันที่ 4 ธันวาคม นี้ เป็นการชิงแชมป์ว่างเส้นนี้ด้วยเลย

ซึ่งจะทำให้เกมการชกไฟต์ดังกล่าวจะกลายเป็นการชกชิงแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท 2 สถาบัน (ทั้ง WBC, WBC แฟรนไชส์ และ WBA ซูเปอร์) เรียกได้ว่าเพิ่มดีกรีความเดือดมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

ขณะที่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น นักชกชาวไทย ดูท่าจะต้องทำอันดับขึ้นมาใหม่เนื่องจากสถานะในตอนนี้หล่นไปอยู่ถึงอันดับ 6 ของ รุ่น 115 ปอนด์ สภามวยโลก (WBC) หลังจากที่แพ้ทีเคโอให้กับ เจสซี่ โรดริเกวซ เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา

“นวพล” ฟิตร่างกาย พร้อมดวลเดือด “โมโลนีย์” ในศึกเฟ้นหาผู้ท้าชิงแชมป์โลก WBC

นวพล นครหลวงโปรโมชั่น ร่างกายสมบูรณ์เปรี๊ยะเตรียมขึ้นชกหาผู้ท้าชิงแชมป์โลก ไฟต์บังคังของสภามวยโลก WBC

วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2565 ความคืบหน้าของ นวพล นครหลวงโปรโมชั่น ที่จะชกตัดเชือกกับ เจสัน โมโลนีย์ นักมวยชาวออสเตรเลียกำหนด 12 ยก หาผู้ชนะไปชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวต (118 ปอนด์) สภามวยโลก (WBC) ไฟต์บังคับใน วันที่ 16 ตุลาคมนี้ ณ ร็อด เลเวอร์ อารีน่า ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ไทยรัฐทีวีช่อง 32 ถ่ายทอดสด 08.20 น.

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะของนวพลได้เดินทางไปตรวจร่างกายตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขันได้แจ้งไว้ ณ ชัวร์เซลล์ เมดิคัลเซ็นเตอร์ โดยผลการตรวจเลือดและตรวจร่างกายนวพลแข็งแรงสมบูรณ์ ไร้เชื้อไวรัสใดๆ โดยเฉพาะโควิด พร้อมขึ้นชกแน่นอนผลตรวจวัดความดันโลหิต นวพล นครหลวงโปรโมชั่น 110/80 ชีพจร 48 ต่อนาทีถือว่าสมบูรณ์มาก

สำหรับกำหนดการต่างๆ นั้น ฝ่ายจัดการแข่งขันแจ้งกับทีมงานวพลว่าจะต้องซ้อมโชว์สื่อมวลชน ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ เวลา 07.30 น. ตามเวลาประเทศไทย หรือ 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ส่วนการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ เวลา 07.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หรือ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และพิธีชั่งนํ้าหนักอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เวลา 06.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หรือ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

ส่วนวันชกจริงจะเป็นวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ทางไทยรัฐทีวีถ่ายทอดสดจากประเทศออสเตรเลีย 08.20 น. ตามเวลาประเทศไทย

“ศรีสะเกษ” มั่นใจมาก ในแมตช์ที่ต้องดวลกำปั้น กับ “เจสซี่” หวังกระชากแชมป์ WBC

“เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นขวัญใจชาวไทย ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ก่อนเดินทางต่อไปยัง สหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมเก็บตัวทำศึกชิงแชมป์โลกกับ เจสซี่ โรดริเกวซ กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนนี้

โดย กำปั้นวัย 35 ปี ได้ออกเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับ “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ผู้จัดการทีม, “โค้ชป๊อป” โชคชัย พิสิฐวุฒินันท์ และทีมงาน เมื่อช่วงดึกวันอังคารที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ อดีตแชมป์โลกชาวไทย ได้เปิดใจถึงการชกไฟต์นี้ว่า “แม้หลายคนจะมองว่าผมอายุมากถึง 35 ปีแล้ว แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข ทุกอย่างมันอยู่ที่การเตรียมตัว และฝึกซ้อม ซึ่งครั้งนี้ผมมีการเตรียมตัวที่ดีมากๆ”

“การเจอกับ โรดริเกวซ ที่เป็นมวยถนัดซ้าย ผมก็ได้มีการซ้อมกับมวยซ้ายเตรียมเอาไว้แล้ว ได้ลงนวมกับ เพชร ซีพีเอฟ ก็เชื่อว่าครั้งนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการรับมือกับมวยแบบนี้”

“ผมก็อยากฝากถึง โรดริเกวซ ว่าผมจะเป็นฝ่ายเอาชนะให้ได้ และถ้าเป็นไปได้ก็ตั้งเป้าจะชนะน็อกเลยไม่ต้องไปตัดสินกันที่คะแนน ส่วนตัวมั่นใจว่าจะนำเข็มขัดแชมป์โลกกลับมาเป็นของขวัญให้กับแฟนๆ ชาวไทย” นักชกขวัญใจชาวไทย เปิดใจก่อนบินออกล่าแชมป์

สำหรับ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น มีกำหนดจะชิงแชมป์โลกกับ เจสซี่ โรดริเกวซ แชมป์โลกซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) ที่สังเวียน ทีช พอร์ต อารีน่า, รัฐเท็กซัส, สหรัฐอเมริกา ในวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2565 นี้

ทวงแชมป์โลก “ศรีสะเกษ” ได้สิทธิ์ท้าชิง “เจสซี่” พร้อมกำหนดวันชกเรียบร้อย

ความเคลื่อนไหวของ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นขวัญใจชาวไทย ที่แม้อันดับโลกหล่นจากอันดับ 1 มาอยู่ที่ 2 ในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามล่าสุด สภามวยโลก (WBC) และ เอ็ดดี้ เฮิร์น โปรโมเตอร์ใหญ่แห่งแมตช์รูม บ็อกซิ่ง โปรโมชั่น มีความเห็นตรงกันที่จะจัดศึกให้กับ กำปั้นชาวไทยวัย 35 ปี ได้ขึ้นสังเวียนชิงแชมป์โลกคืนอีกครั้ง

โดยจะเป็นคู่เอกของรายการเจอกับ “แบม” เจสซี่ โรดริเกวซ กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ แชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) ที่เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนน คาร์ลอส คูเอดราส ไปได้แบบเอกฉันท์ หลังได้รับโอกาสให้เป็นมวยแทนในไฟต์ก่อน

ซึ่งหนนั้น “เจ้าแหลม” เกิดมีปัญหาในเรื่องของสภาพร่างกายทำให้ต้องถอนตัวจากการชก ซึ่งแพทย์เผยว่าเป็นอาการของไตอักเสบ ที่เกิดจากภาวะขาดนํ้า ทำให้ไตต้องทำงานหนักจนเกิดการอักเสบ และไม่สามารถขึ้นชกได้

สำหรับ แชมป์โลกดาวรุ่งวัย 22 ปี เจ้าของสถิติชนะรวด 15 ไฟต์ (ชนะน็อก 10 ครั้ง) จะขึ้นป้องกันตำแหน่งกับ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ที่สังเวียน ทีช พอร์ต อารีน่า, รัฐเท็กซัส, สหรัฐอเมริกา ในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน นี้ (ตรงกับบ้านเราเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน)

“โรดริเกซ” ชนะคะแนน “คูเอดราส” พร้อมคว้าแชมป์โลก WBC

“ไอ้หลังลาย” คาร์ลอส คูเอดราส สิ้นฤทธิ์ โดนทีเด็ดของนักชกรุ่นน้องอย่าง เจสซี โรดริเกซ เล่นงาน พลาดเข็มขัดแชมป์โลก WBC ในรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต ไปอย่างน่าเสียดาย

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 การแข่งขันมวยสากลชิงแชมป์โลก ที่สังเวียนฟุตปรินท์ เซ็นเตอร์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งคู่เอกเป็นการชิงแชมป์โลกที่ว่าง รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ของสภามวยโลก (WBC)

ระหว่าง คาร์ลอส คูเอดราส รองอันดับ 3 ชาวเม็กซิโก พบกับ เจสซี โรดริเกซ กำปั้นอนาคตไกลวัย 22 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งขึ้นชกแทน “แหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

ในไฟต์นี้ เจสซี โรดริเกซ ที่หนุ่มกว่า โชว์ความสดไล่ต่อย คูเอดราส ลงไปนับ 8 ในยกที่ 3 จากนั้นนักชกชาวอเมริกัน ก็ยังคงโชว์จังหวะชั้นเชิง และความเร็วที่เหนือกว่าจนครบ 12 ยก

ซึ่งหลังจากรวมคะแนน ปรากฏว่า เจสซี โรดริเกซ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนน คาร์ลอส คูเอดราส ไปแบบเป็นเอกฉันท์ 117-110, 117-110 และ 115-112 คว้าแชมป์โลกไปครองในที่สุด

นอกจากนี้ เจสซี “แบม” โรดริเกซ ยังเพิ่มสถิติไร้พ่ายของตัวเอง เป็นชนะรวด 15 ไฟต์ และเป็นการชนะน็อกไปถึง 10 ครั้ง

“เสี่ยฮุย” แจงชัดทุกเรื่อง ทำไม “ศรีสะเกษ” ต้องถอนตัวจากการชก

จากกรณีที่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต จะไม่สามารถขึ้นชิงแชมป์โลกกับ คาร์ลอส คูเอดราส ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 นี้อย่างแน่นอนแล้ว

โดยสาเหตุเกิดจากการที่ กำปั้นชาวไทยวัย 35 ปี ที่เดินทางไปเก็บตัวที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมตัวสำหรับไฟต์สำคัญ เกิดมีอาการปวดท้องบริเวณข้างซ้ายอย่างหนัก ก่อนที่ทางทีมงานจะเรียกแพทย์ให้มาตรวจอย่างละเอียดที่โรงแรม

ซึ่ง สตีเว่น ริคกี้ แพทย์ที่เดินทางมาตรวจถึงห้องพักชี้้ว่าอาการไม่สู้ดีนักให้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียด ก่อนที่จะเผยผลตรวจว่ามีอาการของโรคไตอักเสบ และจำเป็นต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวอีกสักระยะ ทำให้ไม่สามารถที่จะฟื้นตัวเพื่อขึ้นชกในไฟต์สำคัญดังกล่าวได้

ล่าสุด “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ เจ้าของค่ายนครหลวงโปรโมชั่น ได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “ในตอนแรกนั้นทาง Matchroom Boxing ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ขอเวลาตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรเนื่องจากถือเป็นคู่เอกของรายการ และขอให้อย่าเพิ่งให้ข่าวกับใคร”

“แต่พอผลตรวจอย่างละเอียดออกมาว่าเป็นอาการของไตอักเสบ ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบ หรือ เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่อย่างใดตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เราต้องถอนตัวจากการชก ซึ่งพออาการดีขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลมาพักต่อที่โรงแรม แต่สภาพร่างกายก็ยังอ่อนเพลียอยู่”

พร้อมกันนี้ โปรโมเตอร์ใหญ่วัย 72 ปี ยืนยันว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการใช้ยาขับปัสสาวะในการลดน้ำหนักอย่างที่แฟนมวยหลายรายเข้าใจ เพราะทางค่ายไม่มีแนวทางลดน้ำหนักแบบนั้นเพราะมันเป็นเรื่องต้องห้ามในวงการกีฬา และที่ผ่านมาตัวของ ศรีสะเกษ ก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน

“ผมยอมรับว่าผิดหวัง และเสียดายมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนที่ ศรีสะเกษ เข้าโรงพยาบาล ตัวของเขายังคิดว่าถ้าออกจากโรงพยาบาลก็จะสามารถกลับขึ้นชิงแชมป์โลกได้ ซึ่งท้ายสุดเขาก็เสียใจ แต่ทำอย่างไรได้ความปลอดภัยต้องมาก่อน จากนี้ก็เตรียมกลับไทยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้” เสี่ยฮุย เปิดใจ

ทำให้ทาง Matchroom Boxing ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวคู่ชกในคู่เอก ของการชิงแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ที่ว่าง ให้เป็น เจสเซ่ โรดริเกวซ นักชกชาวสหรัฐฯ วัย 22 ปี ขึ้นชกกับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกจังโก้แทนในเวลาต่อมา

“มักซาโย่” กำปั้นฟิลิปปินส์ ชนะคะแนน “รัสเซลล์” คว้าแชมป์โลก WBC

การแข่งขันชกมวยโลก SHOWTIME คู่เอกของรายการ แกรี่ รัสเซลล์ จูเนียร์ นักชกสหรัฐฯ เจ้าของแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นเฟเธอร์เวต พบกับ มาร์ก มักซาโย่ ผู้ท้าชิงชาวฟิลิปปินส์ ที่เบอร์โกต้า โฮเทล คาสิโน, แอตแลนต้า, ประเทศสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา

เปิดฉากช่วงยกต้นๆ มาร์ก มักซาโย่ ผู้ท้าชิงไม่มีกลัวเดินลุยออกหมัดหนักๆ เล่นงาน แถมมีหมัดอัปเปอร์คัตขวาตัวลำตัวเป็นระยะ ขณะที่ แกรี่ รัสเซลล์ ยังวนอยู่วงนอกเน้นออกหมัดแย็บซ้ายนำ และดักปล่อยขวาเล่นงานใบหน้าได้จะแจ้ง

เข้าสู่ยกสี่ กำปั้นปินส์ มาได้โอกาสปล่อยหมัดโดนในช่วงต้นยกทำเอา แชมป์โลก เซไปติดเชือกจากนั้นระดมหมัดใส่ไม่ยั้ง แต่ก็ปิดบัญชีไม่ลงเนื่องจาก แกรี่ รัสเซลล์ ฉากหนีออกมาผ่อนระยะแล้วดักปล่อยหมัดสวนเหมือนเดิม

เกมยังสนุกช่วงยก 7-8 กำปั้นทั้งคู่ต่างเปิดเกมแลกกันในสไตล์ถนัด มาร์ก มักซาโย่ อาศัยเดินลุยออกหมัดชุดเล่นงานแบบต่อเนื่อง ขณะที่ กำปั้นเจ้าถิ่น อาศัยดึงจังหวะแล้วหาช่องปล่อยหมัดสวนตอบโต้เข้าหน้าได้หลายครั้งเหมือนกัน

รูปเกมการชกยืดเยื้อจนมาถึงยกสุดท้าย มาร์ก มักซาโย่ เดินลุยเหมือนเดิมไล่ออกหมัดโจมตีใส่ทั้งซ้ายและขวา ขณะที่ แกรี่ รัสเซลล์ ก็มั่นใจในตัวเองว่าคะแนนนำ ไม่เน้นปะทะอาศัยดึงจังหวะฉากแล้วออกหมัดตอบโต้

ครบ 12 ยก กรรมการรวมคะแนนก่อนชูมือให้ มาร์ก มักซาโย่ นักชาวชาวฟิลิปปินส์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้แบบเสียงข้างมาก 114-114, 115-113 และ 115-113 กลายเป็นแชมป์โลก รุ่นเฟเธอร์เวต ของ สภามวยโลก (WBC) คนใหม่ทันที ทำให้ แกรี่ รัสเซลล์ จูเนียร์ เสียแชมป์หลังจากป้องกันมาได้นานเกือบ 7 ปี

สำหรับ มาร์ก มักซาโย่ กำปั้นวัย 26 ปี เริ่มต้นชกมวยตั้งแต่อายุเพียงแค่ 8 ขวบ โดยลงแข่งขันในมวยสมัครเล่นกว่า 200 ครั้ง คว้าแชมป์ 4 สมัย ของสมาคมมวยสมัครเล่นแห่งฟิลิปปินส์ (ABAP) และคว้าตำแหน่งนักมวยยอดเยี่ยม 2 สมัย

เบนเข็มสู่มวยอาชีพเมื่อปี 2013 ซึ่งไฟต์ที่น่าจะเป็นที่จดจำของแฟนกำปั้นชาวไทยก็คือการชนะคะแนน ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ เมื่อปี 2019 ก่อนซ็นสัญญาภายใต้ MP Promotions (สังกัดของ แมนนี่ ปาเกียว) เมื่อต้นปี 2020 ซึ่งถึงปัจจุบันเจ้าตัวมีสถิติชนะรวด 24 ไฟต์ (ชนะน็อก 16 ครั้ง) และยังไม่เคยปราชัยให้กับคู่ชกรายไหนบนเส้นทางการชกอาชีพ

“ศรีสะเกษ-คูเอดราส” ชั่งน้ำหนักรอบแรกผ่านตามกฎเกณฑ์ของ “WBC”

ความเคลื่อนไหวไฟต์ที่แฟนมวยทั่วโลกตั้งตารอชมระหว่าง “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 กับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกชาวเม็กซิกันรองอันดับ 3 ในการชกชิงแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ที่ว่างลง ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้

ล่าสุด ทั้งคู่ได้ผ่านเกณฑ์ของ สภามวยโลก ในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อย โดยตามกฎกติกาของสภามวยโลก นักมวยที่จะขึ้นชกก่อน 30 วัน จะต้องขึ้นชั่งน้ำหนักก่อนครั้งแรก โดยในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (พิกัด 115 ปอนด์) จะต้องมีน้ำหนักไม่เกินเกณท์มากจนเกินไป

แชมป์โลกชาวไทย ชั่งได้ 125.6 ปอนด์ (57 กิโลกรัม) อยู่ในพิกัดที่ไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักจริงในรุ่นที่จะขึ้นชก ขณะที่ กำปั้นชาวเม็กซิกัน ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการทำน้ำหนักแต่ยังมีเกินอยู่เช่นกันที่ 126.1 ปอนด์ (57.2 กิโลกรัม)

ซึ่งทาง วิลเลี่ยม บูดูห์ เจ้าหน้าที่ชาวแคนาดาของสภามวยโลก ผู้รับผิดชอบในเรื่องการตรวจสอบการชั่งน้ำหนัก และข้อกำหนดทางการแพทย์ ได้ยืนยันผลให้กับทั้งคู่เป็นที่เรียบร้อยว่าผ่านตามเกณท์ที่กำหนดอย่างไม่มีปัญหา

โดยถึงเวลานี้เท่ากับว่า กำปั้นชาวไทย ยังมีน้ำหนักเกินอยู่ประมาณ 10 ปอนด์ (4.54 กิโลกรัม) ที่จะต้องลดลง ซึ่งนักมวยทั้งคู่มีเวลาอีก 1 เดือน ที่จะต้องทำน้ำหนักให้อยู่ในพิกัด 115 ปอนด์ ก่อนการขึ้นสังเวียนฟาดปากกัน 1 วัน

สำหรับ เกมการชกระหว่าง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กับ คาร์ลอส คูเอดราส กำปั้นชาวเม็กซิกัน ในการชกชิงแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ ที่สหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่กำหนดสถานที่ชกอย่างเป็นทางการ

เผยวันชก “ศรีสะเกษ VS คูเอดราส” ชิงแชมป์ซูเปอร์ฟลายเวต WBC

หลังจากที่ต้องรอกันมาอย่างยาวนานว่า โอกาสในการชิงเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ ของ สภามวยโลก (WBC) ของ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น เจ้าของเข็มขัดเส้นนี้ 2 สมัย จะมาถึงเมื่อใด ในที่สุด ความชัดเจนก็ปรากฏแล้ว

แดน ราฟาเอล นักข่าวสายมวยชื่อดังของสหรัฐอเมริการายงานว่า ไฟต์ชิงเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตของ WBC ที่ว่าง ระหว่าง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กับ คาร์ลอส คูเอดราส นักมวยชาวเม็กซิโก จะมีขึ้นในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ตามเวลาสหรัฐอเมริกา หรือเช้าวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ ตามเวลาไทย ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะเป็นรองคู่เอก ประกอบการชกในคู่ระหว่าง เจสซี่ วาร์กาส อดีตแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวตและไลท์มิดเดิ้ลเวตชาวอเมริกัน กับ เลียม สมิธ อดีตแชมป์โลกรุ่นไลท์มิดเดิ้ลเวตชาวอังกฤษ

การชกระหว่าง ศรีสะเกษ และ คูเอดราส ถือเป็นส่วนหนึ่งในทัวร์นาเมนต์หาแชมป์โลกตัวจริงในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตของ WBC หลัง ฮวน ฟรานซิสโก้ เอสตราด้า แชมป์โลกชาวเม็กซิโก ที่เอาชนะ ศรีสะเกษ เมื่อปี 2019 ได้รับการสถาปนาเป็นแชมป์โลกแฟรนไชส์ ทำให้เข็มขัดแชมป์โลกเดิมว่างลง ซึ่ง เอสตราด้า เองที่ปัจจุบันก็เป็นแชมป์โลกรุ่นเดียวกันของ สมาคมมวยโลก (WBA) ด้วยนั้น ก็มีคิวต้องขึ้นชกกับ โรมัน กอนซาเลซ อดีตแชมป์โลกเส้นเดียวกันชาวนิคารากัว ก่อนที่ผู้ชนะของทั้งสองไฟต์ จะต้องมาเจอกันเพื่อหาแชมป์โลกหนึ่งเดียว

ก่อนหน้านี้ ศรีสะเกษ และ คูเอดราส เคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2014 โดยตอนนั้น ศรีสะเกษ ต้องไปป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวตของ (WBC) ที่เม็กซิโก ผลปรากฏว่า คูเอดราส เป็นฝ่ายชนะคะแนนหลังกรรมการยุติการชกเมื่อผ่านไป 8 ยก จากแผลแตกที่ศีรษะของ คูเอดราส ทำให้ ศรีสะเกษ เสียเข็มขัดแชมป์โลกสมัยแรกไป ก่อนคว้าแชมป์สมัยสองด้วยการชนะ โรมัน กอนซาเลซ เมื่อปี 2017 และหลังจากนั้น ศรีสะเกษ, คูเอดราส, เอสตราด้า และ กอนซาเลซ ก็กลายเป็น 4 ราชาของรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ที่มีสถิติงูกินหางกันมาตลอด

“ฟิวรี่” ย้ำแค้นถล่มใส่ “ไวลเดอร์” หลับในยก 11 ป้องแชมป์ WBC ไว้ได้

การแข่งขันชกมวยโลก เดิมพันเข็มขัดแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นเฮฟวี่เวต ระหว่าง “ยิปซีคิง” ไทสัน ฟิวรี่ แชมป์ชาวอังกฤษ พบกับ ดีออนเตย์ ไวลเดอร์ ผู้ท้าชิงชาวสหรัฐฯ ที่สังเวียน ที-โมบาย อารน่า, ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564

โดยคู่นี้เจอกันมาแล้ว 2 ครั้ง ปรากฎว่าในไฟต์แรกเมื่อปี 2018 นั้นจบลงด้วยการเสมอกันไป ขณะที่ไฟต์สองเมื่อต้นปี 2020 เป็น ไทสัน ฟิวรี่ ที่เป็นฝ่ายเอาชนะน็อกไปได้ในยกที่ 7 หลังพี่เลี้ยงของ ไวลเดอร์ ตัดสินใจโยนผ้าขอยอมแพ้

เปิดฉากยกแรก ดีออนเตย์ ไวลเดอร์ ผู้ท้าชิงออกมาเดินออกหมัดหนักๆ เล่นงานทันที มีหมัดซ้ายตัดลำตัวต่อเนื่อง ขณะที่ ไทสัน ฟิวรี่ ยังเน้นรัดกุมเดินออกหมัดแย็บซ้าย และมีขวาตรงเล่นงานแต่ก็ยังทำได้ไม่จะแจ้ง

ยกสอง แชมป์โลก เปลี่ยนแผนออกมาเดินลุยทันทีปล่อยหมัดหนึ่งสองเล่นงานทันที ด้าน ไวลเดอร์ ก็ยังคงเน้นออกหมัดตัดลำตัวเป็นพิเศษ ในช่วงท้ายยกทั้งคู่ยืนติดคลุกวงในแลกหมัดกันในระยะประชิด

ยกสาม กำปั้นทั้งคู่ออกมาสาดอาวุธใส่กันมากขึ้น ไวลเดอร์ ออกมาทิ้งขวาเข้าเต็มคางทำเอา ฟิวรี่ ต้องโผเข้ากอด แต่ในช่วงท้ายยก แชมป์โลก พลิกสถานการณ์ด้วยหมัดขวา ก่อนตามอัปเปอร์คัตขวาส่งผู้ท้าชิงหล่นลงไปให้กรรมการนับ 8

ยกสี่ ฟิวรี่ ออกมาลุยทันทีปล่อยหมัดแย็บซ้าย และตามด้วยขวาเล่นงานต่อเนื่องแต่ ไวลเดอร์ ก็ป้องกันตัวไว้ได้ แถมในช่วงปลายยกมาต่อยขวาเข้าหัวทำเอา ฟิวรี่ หล่นลงไปให้กรรมการนับ 8 ก่อนลุกขึ้นมาสู้ต่อ แต่ก็โดนซ้ำจนโดนนับอีกครั้ง

ยกห้า ไวลเดอร์ ออกมาเดินใส่โชว์ออกหมัดหนึ่งสองเล่นงานต่อเนื่อง แถมมีการทิ้งหมัดขวาหนักๆ เล่นงานทำเอาคู่ชกเอนติดเชือก ขณะที่ ฟิวรี่ ดูเหมือนว่าจะยังไม่ฟื้นทำได้แค่เน้นป้องกันตัวเป็นส่วนใหญ่

ยกหก นักชกทั้งคู่ออกมาแลกหมัดกันสนุกโดยฝั่ง ไวลเดอร์ เน้นออกหมัดแย็บซ้ายเล่นงาน แล้วมีหมัดขวาหนักๆ เป็นทีเด็ด ขณะที่ ฟิวรี่ พยายามเดินติดเล่นงานด้วยหมัดอัปเปอร์คัตสั้นๆ และหมัดตัดลำตัว

ยกเจ็ด เกมยังดำเนินไปอย่างสนุก กำปั้นทั้งคู่ออกมาแลกหมัดกันชนิดไม่มีใครยอมใคร แต่ในช่วงท้ายเป็น ไทสัน ฟิวรี่ ที่เหนือกว่าชัดเจนเมื่อปล่อยหมัดซ้ายขวาเข้าหน้าของคู่ชกทำเอาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

ยกแปด แชมป์โลก เริ่มคุมสถานการณ์ไว้ได้ออกมาเดินเข้าหาทันที มีหมัดแย็บซ้ายเล่นงานแล้วทิ่้มด้วยขวาตรงทำเอา ไวลเดอร์ ออกอาการเซอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังกัดฟันปล่อยหมัดสวนเป็นระยะ

ยกเก้า ฟิวรี่ พยายามเดินติดออกหมัดแย็บซ้ายเล่นงานต่อเนื่อง แล้วตามด้วยหมัดชุดหนักๆ ทำเอา ไวลเดอร์ ต้องปรี่เข้ากอด แต่ก็มีหมัดสวนออกมาเป็นระยะเหมือนกันแต่ยังไม่เข้าเป้า

ยกสิบ รูปเกมยังเหมือนเดิม กำปั้นชาวอังกฤษ ออกมาเดินแย็บซ้ายนำแล้วตามด้วยขวาเข้าปลายคางส่ง นักชาวสหรัฐฯ หล่นลงไปให้กรรมการนับถึง 8 อีกครั้ง ก่อนที่ปลายยก ไวลเดอร์ จะมาเร่งเครื่องออกหมัดคืนบ้าง

ยกสิบเอ็ด ไทสัน ฟิวรี่ ออกมาเดินเร่งเครื่องตั้งแต่ต้นยกปล่อยซ้ายแล้วตามด้วยขวาตรงทำเอาคู่ชกถอยไปติดเชือกก่อนตามไปทิ้งขวาเข้าปลายคางส่ง ไวลเดอร์ หล่นลงไปกองให้กรรมการยุติการชกในที่สุด

ทำให้ “ยิปซีคิง” ไทสัน ฟิวรี่ กำปั้นชาวอังกฤษ เป็นฝ่ายเอาชนะน็อก ดีออนเตย์ ไวลเดอร์ ไปได้ในยกที่ 11 ด้วยเวลา 1 นาที 10 วินาที ป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นรุ่นเฮฟวี่เวต ของสภามวยโลก (WBC) พร้อมเข็มขัดเดอะริงก์ ได้สำเร็จ พร้อมรักษาสถิติชนะ 31 (ชนะน็อก 22 ครั้ง) เสมอ 1 ครั้ง และไม่เคยแพ้ใคร