“อาเมียร์ ข่าน” โดนจับแพ้แบบทีเคโอ ให้กับ “เคลล์ บรู๊ก” ยกที่ 6 พร้อมส่อแววแขวนนวม

การแข่งขันชกมวย ระหว่าง อาเมียร์ ข่าน ยอดกำปั้นชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน กับ เคลล์ บรู๊ก กำปั้นจอมเก๋าชาวอังกฤษวัย 35 ปี ที่สังเวียน เอโอ อารีน่า, เมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

เปิดเกมยกแรก อาเมียร์ ข่าน อาศัยความไวออกหมัดแย็บซ้ายเล่นงานแล้วตามด้วยหมัดชุดจากนั้นก็ฉากหนีวนออกข้าง ขณะที่ เคลล์ บรู๊ก ก็พยายามเดินติดเพื่อออกหมัดเล่นงานคืน โดยมีขวานำแล้วตามด้วยซ้ายยาวๆ โจมตี

เกมการชกในช่วงยกที่สอง – ยกที่สี่ ยังคงเหมือนเดิม กำปั้นเชื้อสายปากีสถาน ยังเดินออกหมัดแย็บแล้ววนหนี ขณะที่ เคลล์ บรู๊ก เริ่มเดินเร็วขึ้นออกหมัดหนักๆ ตัดลำตัวและใบหน้าซึ่งก็ทำเอา อาเมียร์ ข่าน ดูช้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด

เข้าสู่ยกที่ห้า สถานการณ์เริ่มชัดขึ้นเมื่อ เคลล์ บรู๊ก คุมเกมเอาไว้ได้หมดเดินออกหมัดหนักๆ เล่นงานต่อเนื่องทำเอา อาเมียร์ ข่าน เอนไปเอนมาเมื่อโดนหมัดเข้าหน้า แถมความเร็วดูลดลงไปอย่างชัดเจนไม่มีการฉากหลบเหมือนตอนต้นยก

ยกหก เคลล์ บรู๊ก ออกมาเดินเร่งเครื่องทันทีระดัมหมัดเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ทำเอา อาเมียร์ ข่าน ได้แต่ป้องกันตัวจนท้ายสุด กรรมการตัดสินใจเข้ามาขวางและยุติการชกไปในที่สุด เนื่องจากมองว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสู้ต่อไป

ทำให้ เคลล์ บรู๊ก กำปั้นจอมเก๋าชาวอังกฤษเป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอ ไปได้ในยกที่ 6 ด้วยเวลา 51 วินาที เพิ่มสถิติเป็นชนะ 40 แพ้ 3 ครั้ง ขณะที่ อาเมียร์ ข่าน แพ้เป็นครั้งที่ 6 ในชีวิตการชก 40 ไฟต์ ซึ่งหลังจบไฟต์ กำปั้นชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน เปรยว่าอาจถึงเวลาต้องแขวนนวมหลังจากหมดไฟในการชกแล้ว

“โรดริเกซ” ชนะคะแนน “คูเอดราส” พร้อมคว้าแชมป์โลก WBC

“ไอ้หลังลาย” คาร์ลอส คูเอดราส สิ้นฤทธิ์ โดนทีเด็ดของนักชกรุ่นน้องอย่าง เจสซี โรดริเกซ เล่นงาน พลาดเข็มขัดแชมป์โลก WBC ในรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต ไปอย่างน่าเสียดาย

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 การแข่งขันมวยสากลชิงแชมป์โลก ที่สังเวียนฟุตปรินท์ เซ็นเตอร์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งคู่เอกเป็นการชิงแชมป์โลกที่ว่าง รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ของสภามวยโลก (WBC)

ระหว่าง คาร์ลอส คูเอดราส รองอันดับ 3 ชาวเม็กซิโก พบกับ เจสซี โรดริเกซ กำปั้นอนาคตไกลวัย 22 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งขึ้นชกแทน “แหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

ในไฟต์นี้ เจสซี โรดริเกซ ที่หนุ่มกว่า โชว์ความสดไล่ต่อย คูเอดราส ลงไปนับ 8 ในยกที่ 3 จากนั้นนักชกชาวอเมริกัน ก็ยังคงโชว์จังหวะชั้นเชิง และความเร็วที่เหนือกว่าจนครบ 12 ยก

ซึ่งหลังจากรวมคะแนน ปรากฏว่า เจสซี โรดริเกซ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนน คาร์ลอส คูเอดราส ไปแบบเป็นเอกฉันท์ 117-110, 117-110 และ 115-112 คว้าแชมป์โลกไปครองในที่สุด

นอกจากนี้ เจสซี “แบม” โรดริเกซ ยังเพิ่มสถิติไร้พ่ายของตัวเอง เป็นชนะรวด 15 ไฟต์ และเป็นการชนะน็อกไปถึง 10 ครั้ง

เปิดค่าตัว “ศรีสะเกษ” หากได้ขึ้นชกกับ “คูเอดราส” ในไฟต์ชิงแชมป์โลก

ถือเป็นไฟต์ที่ทำให้แฟนชาวไทยผิดหวังมากทีเดียวกับการที่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 ในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) พลาดโอกาสขึ้นชกชิงแชมป์โลกกับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกชาวเม็กซิกัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

โดยไฟต์ดังกล่าว กำปั้นชาวไทยวัย 35 ปี เกิดมีปัญหาในเรื่องของสภาพร่างกายทำให้ต้องถอนตัวจากการชก ซึ่งแพทย์ที่เดินทางมาตรวจเผยว่าเป็นอาการของไตอักเสบ ที่เกิดจากภาวะขาดนํ้า ทำให้ไตต้องทำงานหนักจนเกิดการอักเสบ

ซึ่งแน่นอนเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นโต้เถียงกันในกลุ่มแฟนมวยบ้านเราว่าอาจมีการแกล้งป่วยเพื่อล้มมวยเกิดขึ้น โดยยอมไม่ขึ้นชกเพื่อแลกกับเงินก้อนโตจากฝ่ายจัดเพื่อเปิดทางให้กับ “แบม” เจสซี่ โรดริเกวซ กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ ที่กลายเป็นแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) คนใหม่ในที่สุด

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์ใหญ่แห่งนครหลวงโปรโมชั่น ออกมายืนยันว่าไม่มีการล้มมวยอย่างที่แฟนบางกลุ่มออกมาโจมตีอย่างแน่นอน “ไม่มีการล้มมวยแน่นอน รู้หรือไม่ ผมไปอเมริกาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ต้องเสียเงินไปเอง 1 ล้านบาทสำหรับค่าใช้จ่ายครั้งนี้”

พร้อมกันนี้ “เสี่ยฮุย” ยังเปิดเผยอีกว่า ศรีสะเกษ ก็เสียใจไม่แพ้แฟนมวยที่อยากชม เพราะเจ้าตัวก็ต้องอดได้เงินค่าตัวถึง 2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากทั้งที่ไม่ได้เป็นแชมป์โลก รวมทั้งยังอดได้เงินอัดฉีดจาก M-150 สปอนเซอร์อีก 1 ล้านบาท หากชนะกลับมา นั่นเท่ากับว่าเขาพลาดได้เงินไปถึง 3 ล้านบาทเลยทีเดียว

“เสี่ยฮุย” แจงชัดทุกเรื่อง ทำไม “ศรีสะเกษ” ต้องถอนตัวจากการชก

จากกรณีที่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต จะไม่สามารถขึ้นชิงแชมป์โลกกับ คาร์ลอส คูเอดราส ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 นี้อย่างแน่นอนแล้ว

โดยสาเหตุเกิดจากการที่ กำปั้นชาวไทยวัย 35 ปี ที่เดินทางไปเก็บตัวที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมตัวสำหรับไฟต์สำคัญ เกิดมีอาการปวดท้องบริเวณข้างซ้ายอย่างหนัก ก่อนที่ทางทีมงานจะเรียกแพทย์ให้มาตรวจอย่างละเอียดที่โรงแรม

ซึ่ง สตีเว่น ริคกี้ แพทย์ที่เดินทางมาตรวจถึงห้องพักชี้้ว่าอาการไม่สู้ดีนักให้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียด ก่อนที่จะเผยผลตรวจว่ามีอาการของโรคไตอักเสบ และจำเป็นต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวอีกสักระยะ ทำให้ไม่สามารถที่จะฟื้นตัวเพื่อขึ้นชกในไฟต์สำคัญดังกล่าวได้

ล่าสุด “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ เจ้าของค่ายนครหลวงโปรโมชั่น ได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “ในตอนแรกนั้นทาง Matchroom Boxing ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ขอเวลาตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรเนื่องจากถือเป็นคู่เอกของรายการ และขอให้อย่าเพิ่งให้ข่าวกับใคร”

“แต่พอผลตรวจอย่างละเอียดออกมาว่าเป็นอาการของไตอักเสบ ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบ หรือ เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่อย่างใดตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เราต้องถอนตัวจากการชก ซึ่งพออาการดีขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลมาพักต่อที่โรงแรม แต่สภาพร่างกายก็ยังอ่อนเพลียอยู่”

พร้อมกันนี้ โปรโมเตอร์ใหญ่วัย 72 ปี ยืนยันว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการใช้ยาขับปัสสาวะในการลดน้ำหนักอย่างที่แฟนมวยหลายรายเข้าใจ เพราะทางค่ายไม่มีแนวทางลดน้ำหนักแบบนั้นเพราะมันเป็นเรื่องต้องห้ามในวงการกีฬา และที่ผ่านมาตัวของ ศรีสะเกษ ก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน

“ผมยอมรับว่าผิดหวัง และเสียดายมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนที่ ศรีสะเกษ เข้าโรงพยาบาล ตัวของเขายังคิดว่าถ้าออกจากโรงพยาบาลก็จะสามารถกลับขึ้นชิงแชมป์โลกได้ ซึ่งท้ายสุดเขาก็เสียใจ แต่ทำอย่างไรได้ความปลอดภัยต้องมาก่อน จากนี้ก็เตรียมกลับไทยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้” เสี่ยฮุย เปิดใจ

ทำให้ทาง Matchroom Boxing ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวคู่ชกในคู่เอก ของการชิงแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ที่ว่าง ให้เป็น เจสเซ่ โรดริเกวซ นักชกชาวสหรัฐฯ วัย 22 ปี ขึ้นชกกับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกจังโก้แทนในเวลาต่อมา