Category Archives: ชิงแชมป์

นักชกหญิงไทยเข้าชิง 4 เหรียญทอง มวยสากลชิงชนะเลิศแห่งทวีปเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี

มวยสากลชิงชนะเลิศแห่งทวีปเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี ประจำปี2566 (ASBC Asian U22 Men & Women Boxing Championships Thailand2023) ที่อินดอร์ สเตเดี้ยมหัวหมากเป็นการแข่งขันรอบสอง (รอบรองชนะเลิศ) มีนักชกสาวไทยลงแข่งขัน 5 คู่

รุ่น48 กก.หญิง ทิพย์สัจจา ยอดวารี พบ ฟาร์โซน่า โฟซิโลว่า นักชก อุซเบกิสถาน ผลปรากฎว่า ทั้งสองฝ่ายแลกกันสนุกก่อนที่สุดท้าย ทิพย์สัจจา เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 0-5 ได้แค่เหรียญทองแดงปลอบใจ

รุ่น60 กก.หญิง “จูน”พรทิพย์ บัวป่า เจ้าของเหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย พบ ชัคนาซ อิซซาเยว่า จากคาซัคสถาน คู่นี้ พรทิพย์ออกอาวุธได้จะแจ้งทำให้คู่ชกโดนนับถึง 3 ครั้ง จนกรรมการต้องยุติการชกในยกที่ 2 ทำให้ พรทิพย์ ชนะอาร์เอสซีผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นคนแรกของทัพกำปั้นไทย

รุ่น63กก.หญิง ธนัญญา สมนึก พบ ซิโยด้า ยาราโชว่า จาก อุซเบกิสถาน ผลปรากฎว่า ตลอด 3 ยก นักชกสาวไทยออกหมัดได้จะแจ้งทุกยกก่อนชนะคะแนนเป็นเอกฉันท์ 5-0 คะแนน ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้อีกราย

ส่วนรุ่น75 กก.หญิง ใบสน มณีก้อน เอาชนะ อาร์เอสซี ดาน่า ดีเดย์ จาก คาซัคสถาน ในยกที่ 2 เข้ารอบชิงชนะเลิศได้เช่นกัน

ปิดท้ายที่รุ่น81 กก. หญิง พรณิภา ชูตรี ชนะคะแนน ซัคโคบัต คูซาโนว่า จาก อุซเบกิสถาน ขาดลอย 5-0 เสียง เข้าไปลุ้นเหรียญทองเป็นคนที่ 4 ของกำปั้นไทย

สำหรับวันที่ 23 มกราคมนี้ เป็นการแข่งรอบรองชนะเลิศของประเภทชาย มีนักชกไทยเข้ารอบ 4 ราย คือ รุ่น 48กก. ณัฐพงษ์ ท้วมเจริญ พบ ซานชาร์ ทาชเคนบาย จาก คาซัคสถาน, รุ่น51กก. ธนรัฐ แสงเพชร พบ มูคัมหมัดโกดีร์ มามีร์โยนอฟ จาก อุซเบกิสถาน, รุ่น 57 กก. ศราวุฒิ สุขเทศ พบ ลุนดา กานทูมูร์ จาก มองโกเลีย และ รุ่น60กก. พูธเนศ รอดสุข พบ ทาลกัต ซีรีมเบตอฟ จาก คาซัคสถาน

“อิโนอุเอะ” ถล่มน็อค “บัตเลอร์” ในยกที่ 11 พร้อมคว้าแชมป์โลกครบ 4 เส้น

“มอนสเตอร์” นาโอยะ อิโนอุเอะ กำปั้นแชมป์โลกชาวญี่ปุ่น ประกาศศักดากลายเป็นแชมป์โลก รุ่นแบนตั้มเวตครบ 4 สถาบัน ในรอบ 50 ปี หลังกระชากแชมป์เส้นสุดท้ายในรุ่นนี้มาครองได้แบบสวยสดงดงาม

โดย นักชกวัย 29 ปี ที่ครองแชมป์โลกรุ่นนี้ 3 สถาบัน (WBA ซูเปอร์, IBF และ WBC) ทำศึกล้มแชมป์กับ พอล บัตเลอร์ แชมป์องค์กรมวยโลก (WBO) ชาวอังกฤษ ที่สังเวียน อาริอาเกะ อารีน่า เมื่อเย็นวันอังคารที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา

เกมการชกเป็นไปอย่างดุเดือดเมื่อทางฝั่ง นาโอยะ อิโนอุเอะ ออกมาเดินรัวหมัดชุดเล่นงานหนักๆ ตั้งแต่ระฆังเริ่มยกแรก ขณะที่ พอล บัตเลอร์ อาศัยฟุตเวิร์คป้องกันตัววนหนีแล้วปล่อยหมัดสวนเป็นระยะ

อย่างไรก็ตามยิ่งมากยกขึ้น กำปั้นชาวอังกฤษ ก็เริ่มตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดเมื่อสภาพร่างกายบอบช้ำขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ในยกที่ 11 นักชกชาวญี่ปุ่น จะปล่อยหมัดชุดเล่นงานทั้งใบหน้าสลับลำตัวส่งคู่ชกลงไปกองให้กรรมการนับถึง 10 ก็ไม่ลุก

ส่งผลให้ นาโอยะ อิโนอุเอะ เอาชนะน็อกไปได้ในยกที่ 11 ด้วยเวลา 1 นาที 9 วินาที เพิ่มสถิติเป็นชนะรวด 24 ครั้ง (ชนะน็อก 21 ครั้ง) ไม่เคยแพ้ให้ใคร พร้อมทั้งรวบแชมป์โลก 4 เส้นมาครองได้สำเร็จ ถือเป็นนักมวยคนที่ 9 ของโลกที่สามารถคว้าแชมป์โลก 4 สถาบันหลักได้ครบ

หลังการชกเจ้าตัวได้ประกาศเตรียมที่จะสละแชมป์โลกทั้ง 4 เส้น เพื่อขยับขึ้นไปชกใน รุ่นซูเปอร์ แบนตั้มเวต ซึ่งจะเป็นก้าวสู่พิกัดน้ำหนักที่ 4 ของตัวเอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยคว้าแชมป์โลกในรุ่นไลต์ฟลายเวต, ซูเปอร์ฟลายเวต และล่าสุดกับ รุ่นแบนตั้มเวต

“ธนัญชัย” , “ชาครินทร์” เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกกำปั้นเยาวชนชิงแชมป์โลก

มวยสากลเยาวชน ชาย-หญิง ชิงแชมป์โลก ปี 2022 ที่ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 20 พฤจิกายน 2565 ที่ผ่านมา มีนักชกไทยแข่งขันรอบ 16 คน 4 คู่

รุ่น57กก.หญิง ณัฐนิชา จงโปร่งกลาง แชมป์ประเทศไทยปีล่าสุด แพ้อาร์เอสซี แอสย่า อารี จากเยอรมนี ในยกที่ 2

รุ่น 71กก.ชาย ธนัญชัย เพิ่มทรัพย์ ชนะอาร์เอสซี ฮัมซ่า ลาวาปน่า นักชกอิสราเอล ในยกที่ 2 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ

รุ่น 60กก.ชาย ชาครินทร์ เอกปัชชา ชนะคะแนนเอกฉันท์ แดเนียล โรดิเกซ นักชกเจ้าภาพ ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้อีกรุ่น

ส่วนรุ่น 57กก.ชาย พิสิษฐ์ เป้าจันทึก แพ้คะแนนเอกฉันท์ มาร์วัน มูฟไลห์ นักชกฝรั่งเศส ตกรอบ 16 คนอีกรุ่น

“บรรจง” ควง “จักรพงษ์” ชนะคะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ คว้าแชมป์มวยสากลเอเชีย

การแข่งขันมวยสากลชาย-หญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2022 หรือ “ASBC Asian Elite Men’s & Women’s Boxing Championships 2022” ระหว่างวันที่ 30 ต.ค.-13 พ.ย. ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน

เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ รุ่น 67 กก.ชาย บรรจง สินสิริ เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ครั้งล่าสุดที่เวียดนาม ขึ้นเวทีพบกับ ดูลัต เบคเบาออฟ นักชกจากคาซัคสถาน

ผลการแข่งขันปรากฏว่า บรรจง แลกหมัดกับ เบคเอาออฟ อย่างสุดมัน ก่อนกำปั้นชาวไทยจะชิงจังหวะปล่อยหมัดซ้ายเต็มหน้าจนได้นับแปดในช่วงกลางยกที่สอง และเอาชนะคะแนนไปได้อย่างไม่เอกฉันท์ 3-2 เสียง (29-28, 29-29, 28-29, 29-28 และ 30-27) คว้าเหรียญทองชิงแชมป์เอเชียไปครองอย่างสุดระทึก

อีกคู่ในรุ่น 86 กก.ชาย ที่ไทยมีโอกาสลุ้นเหรียญทองที่ 2 เป็นการพบกันระหว่าง จักรพงษ์ ยมโคตร ดวลเดือด โอได อัล ฮินดาวี กำปั้นขวัญใจเจ้าถิ่น

รูปเกมการชกเป็นไปอย่างสูสี แม้นักชกไทยจะพลาดโดนนับแปดในช่วงปลายยกสุดท้าย แต่ก็ยังดีพอที่จะเอาชนะคะแนนไปอย่างไม่เอกฉันท์ 4-1 เสียง (28-27, 28-27, 29-26, 28-17 และ 26-28) ซิวเหรียญทองกลับบ้านได้อีกคน

เปิดค่าเหนื่อยของ “กาเนโล่” ที่ขึ้นชกกับ “โกลอฟกิ้น” ในไฟต์ล่าสุด

ศึกกำปั้นโลกเดิมพันแชมป์ 4 สถาบัน (WBC, WBA, WBO และ IBF) ระหว่าง ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ กำปั้นชาวเม็กซิกัน กับ “ทริปเปิ้ลจี” เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น ยอดกำปั้นชาวคาซัคสถาน ที่สังเวียน ที-โมบาย อารีน่า, เนวาด้า เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา

โดยผลการชกในไฟต์นี้ปรากฎว่าครบ 12 ยก ซาอูล อัลวาเรซ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้แบบเอกฉันท์ 116-112, 115-113 และ 115-113 ป้องกันแชมป์โลก 4 สถาบัน และ เข็มขัด The Ring เอาไว้ได้อีกครั้ง

หลังจบไฟต์ ไมเคิ่ล เบนสัน ผู้สื่อข่าวสายมวยของ ทอล์คสปอร์ต สื่อดังในโลกกีฬา ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขค่าเหนื่อยของมวยคู่บิ๊กไฟต์ ที่มีการจัดมาแล้วถึง 3 ภาค หลังได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากบรรดาแฟนมวย

ซึ่งในรายของ ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ แชมป์โลกชาวเม็กซิกัน สามารถโกยเงินไปได้มากถึง 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,660 ล้านบาท) ขณะที่ เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น ผู้ท้าชิงชาวคาซัคสถาน ได้ค่าตัวอยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 738 ล้านบาท)

ซึ่งในรายของ ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ แชมป์โลกชาวเม็กซิกัน สามารถโกยเงินไปได้มากถึง 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,660 ล้านบาท) ขณะที่ เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น ผู้ท้าชิงชาวคาซัคสถาน ได้ค่าตัวอยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 738 ล้านบาท)

แถมตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมส่วนแบ่งค่าถ่ายทอดสดจาก PPV อีกต่างหาก ซึ่งหากรวมตัวเลขดังกล่าวด้วยแล้ว อาจทำให้ กำปั้นจังโก้วัย 32 ปี ในฐานะแชมป์จะโกยเงินจากการชกครั้งนี้ไปได้มากถึง 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,200 ล้านบาท) เลยทีเดียว

“สเปนซ์” ไล่อัด “อูกัส” จนตาปิด ในยกที่ 10 พร้อมคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นที่ 3 ไปครอง

เอร์รอล สเปนซ์ จูเนียร์ กำปั้นชาวสหรัฐฯ เดินหน้าล่าเข็มขัดแชมป์โลก รุ่นเวลเตอร์เวต 3 สถาบัน มาครองได้สำเร็จ หลังเป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอ ยอร์เดนิส อูกัส กำปั้นชาวคิวบา ที่สังเวียน เอที แอนด์ ที, รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา

โดยไฟต์นี้ นักชกวัย 32 ปี เจ้าของแชมป์โลก 2 สถาบัน (WBC และ IBF) ทำศึกล้มแชมป์กับ ยอร์เดนิส อูกัส กำปั้นชาวคิวบา แชมป์โลก ซูเปอร์ สมาคมมวยโลก (WBA) ที่กระชากแชมป์ได้จากการเอาชนะคะแนน “เดอะ แพ็คแมน” แมนนี่ ปาเกียว ยอดนักชกชาวฟิลิปปินส์

รูปเกมในช่วงแรกเป็นทางด้าน เอร์รอล สเปนซ์ จูเนียร์ ที่เดินลุยออกหมัดหนักๆ เล่นงานอย่างจะแจ้ง ขณะที่ แชมป์โลกชาวคิวบา เน้นออกหมัดแย็บก่อกวน และโยกหลบไม่เป็นเป้านิ่งปล่อยหมัดหนึ่งสองสวนเป็นระยะ

อย่างไรก็ตามหลังเข้าสู่ยกที่ 10 ยอร์เดนิส อูกัส ก็โดนกรรมการเรียกดูอาการหลังจากสภาพใบหน้าบอบช้ำเนื่องจากโดนหมัดหนักๆ จนตาขวาปิดไม่สามารถมองเห็นได้ถนัด จนสุดท้ายแพทย์สนามต้องสั่งยุติการชกเนื่องจากอาจเป็นอันตรายหากยังฝืนชกต่อไป

ทำให้ เอร์รอล สเปนซ์ จูเนียร์ เป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอ ไปได้ในยกที่ 10 พร้อมเพิ่มสถิติชนะรวด 28 ไฟต์ (ชนะน็อก 22 ครั้ง) รวบแชมป์โลก 3 เส้น (WBC, IBF และ WBA) มาครองได้สำเร็จ โดยเป้าหมายต่อไปอยากเจอกับ เทอเรนซ์ ครอว์ฟอร์ด แชมป์องค์กรมวยโลก (WBO)

“โกลอฟกิ้น” ปิดบัญชี “มุราตะ” ในยกที่ 9 พร้อมคว้าเข็มขัดแชมป์โลก เส้นที่ 3 ไปครอง

การแข่งขันชกมวยชิงแชมป์โลก รุ่นมิดเดิ้ลเวท “ทริปเปิ้ลจี” เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น แชมป์โลก 2 สถาบัน ชาวคาซัคสถาน (IBF, IBO) ขึ้นสังเวียนเดิมพันแชมป์กับ เรียวตะ มุราตะ กำปั้นชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี แชมป์สมาคมมวยโลก (WBA) ที่ ไซตามะ ซูเปอร์อารีน่า, ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา

เปิดฉากมาในช่วงแรก เรียวตะ มุราตะ กำปั้นเจ้าถิ่นทำได้ดีกว่าด้วยการเดินออกหมัดยาวๆ และตามด้วยหมัดหนึ่งสองเข้าโจมตีต่อเนื่อง เรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ในบ้านที่ตามมาเชียร์แน่นสนาม ขณะที่ โกลอฟกิ้น พยายามเดินติดเพื่อออกหมัดเล่นงานสวน

จุดเปลี่ยนของเกมมาเกิดขึ้นในยกที่ 6 เมื่อ กำปั้นชาวคาซัคสถาน ได้โอกาสปล่อยฮุกขวาเข้าปลายคางนักชกญี่ปุ่นทำเอาฟันยางกระเด็น และทำให้เจ้าตัวช็อตไปดื้อๆ ก่อนโดนถลุงชุดใหญ่จนสภาพร่างกายบอบช้ำไปมาก

เกมดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด กำปั้นทั้งคู่เดินแลกหมัดกันชนิดไม่มีใครยอมใคร จนเข้าสู่ยก 9 “ทริปเปิ้ลจี” เป็นฝ่ายคุมเกมเดินออกหมัดหนักๆ เล่นงาน ก่อนที่ในช่วงเหลืออีก 55 วินาทีของยก กำปั้นชาวคาซัคสถาน จะทิ้งหมัดขวาเข้าปลายคางทำเอา เรียวตะ มุราตะ ทรุดลงไปให้กรรมการนับก่อนที่พี่เลี้ยงจะตัดสินใจโยนผ้าขอยอมแพ้

ทำให้ “ทริปเปิ้ลจี” เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น คว้าแชมป์โลก รุ่นมิดเดิ้ลเวท 3 สถาบัน IBF, WBA และ IBO ในวัย 40 ปี พร้อมทั้งเพิ่มสถิติชนะ 42 เสมอ 1 และแพ้เพียงครั้งเดียว และมีความเป็นไปได้ที่จะกลับไปเปิดศึกภาค 3 กับ ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ กำปั้นชาวเม็กซิกัน

“คัมโบซอส” แลกหมัด “โลเปซ” สุดเดือด ก่อนคว้าแชมป์โลกรุ่นไลต์เวต

การแข่งขันมวยสากล รายการ Matchroom Boxing เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ที่ฮูลู เธียเตอร์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

คู่เอกของรายการ เป็นการชิงแชมป์โลกรุ่นไลต์เวต WBA (ซูเปอร์), WBC (แฟรนไชส์), IBF, WBO และ The Ring ระหว่างแชมป์ “เทโอฟิโม โลเปซ” ชาวอเมริกัน เจ้าของสถิติไร้พ่าย ชนะ 16 ไฟต์รวด โดยเป็นการชนะน็อก 12 ไฟต์ พบกับผู้ท้าชิง “จอร์จ คัมโบซอส จูเนียร์” จากออสเตรเลีย ที่ยังไม่เคยแพ้ใครเช่นกัน มาพร้อมสถิติชนะ 19 เป็นการชนะน็อก 10 ไฟต์

ไฮไลต์การชกเริ่มตั้งแต่ยกแรก เมื่อ โลเปซ ที่เดินหน้าเร่งเครื่องทันที แต่เจอ คัมโบซอส สวนหมัดใส่ไปเต็มแรงจนวูบลงไปให้กรรมการนับ แต่โชคดีที่หมดยกก่อน ทำให้แชมป์เอาตัวรอดไปได้

เกมการชกหลังจากนั้น โลเปซ เริ่มรัดกุมมากขึ้น ออกหมัดสลับใบหน้าและลำตัว ด้าน คัมโบซอส เองมาด้วยกลยุทธ์ดักต่อย ซึ่งก็เข้าเป้าหลายดอกเช่นกัน

การชกดำเนินมาถึงยกที่ 10 เป็น โลเปซ ที่สบจังหวะปล่อยหมัดขวาส่ง คัมโบซอส ร่วงลงไปให้กรรมการนับบ้าง แต่ผู้ท้าชิงจากแดนจิงโจ้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนลุกขึ้นมาลุยต่อจบครบ 12 ยกอย่างสุดมัน

สรุปผลการชก คัมโบซอส เป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างไม่เอกฉันท์ 115-111, 113-114 และ 115-112 กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นไลต์เวตคนใหม่ของ WBA (ซูเปอร์), WBC (แฟรนไชส์), IBF, WBO และ The Ring พร้อมยัดเยียดความปราชัยไฟต์แรกในชีวิตให้ โลเปซ ได้สำเร็จ

“แก่นนคร” เตรียมขึ้นชิงเข็มขัดกับ “อิโนะอุเอะ” ในวันที่ 14 ธ.ค. 64 นี้

ได้โอกาสลุ้นแชมป์โลกเป็นครั้งแรกสำหรับ แก่นนคร จีพีพีเรือใบไข่มุก นักชกชาวไทย โดยมีคู่ชกเป็น นาโอยะ อิโนะอุเอะ ยอดนักชกของญี่ปุ่น

แก่นนคร หรือ อรัญ ดีแป้น ถือเป็นหนึ่งในนักมวยสากลน่าจับตามองของไทย เขามีหมัดหนักเป็นอาวุธ ด้วยสถิติการชกชนะ 12 ครั้ง และเป็นชนะน็อกถึง 11 ครั้ง และแพ้ไปเพียง 2 ครั้ง

นักชกจากเมืองหมอแคน เพิ่งจะคว้าแชมป์ IBF แพนแปซิฟิก ในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวต ด้วยการชนะน็อก โจมาร์ ฟาจาร์โด นักชกจากฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา

ขณะที่นาโอยะ อิโนะอุเอะ ได้รับการขนานนามว่า “สัตว์ประหลาด” จากลีลาการชกที่ว่องไว ด้วยสถิติชนะรวด 21 ครั้ง (ชนะน็อก 18 ครั้ง) และเป็นเจ้าของเข็มขัดแชมป์ในรุ่นแบนตัมเวตทั้งสามสถาบันคือ สหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF), สมาคมมวยโลก (WBA) และ The Ring

“นักชกไทยมีภาพลักษณ์ที่มานะอดทน ผมยังไม่ได้ดูวิดีโอการชกของคู่แข่ง แต่ผมจะไม่ประมาท และจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน” อิโนะอุเอะ กล่าวในงานแถลงข่าว

ไฟต์ชิงแชมป์โลกครั้งนี้จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม ที่เรียวโงคุ โคคุงิคัง กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสนามที่เคยเป็นสังเวียนหลักของการแข่งขันชกมวยในกีฬาโอลิมปิก 2020 มาแล้ว

“อูซิก” เอาชนะคะแนน “โจชัว” คว้าเข็มขัดแชมป์โลก 4 สถาบันแล้ว

การแข่งขันมวยสากล Matchroom Boxing เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 ที่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ท่ามกลางผู้ชม 65,000 คนในสนาม

คู่เอกของรายการ แอนโธนี โจชัว กำปั้นเจ้าถิ่น เจ้าของแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวตของสมาคมมวยโลก (ดับเบิลยูบีเอ), สหพันธ์มวยนานาชาติ (ไอบีเอฟ), องค์กรมวยโลก (ดับเบิลยูบีโอ) และ องค์กรมวยนานาชาติ (ไอบีโอ) พบผู้ท้าชิงชาวยูเครน โอเล็กซานเดอร์ อูซิก วัย 34 ปี

รูปเกมการชกในไฟต์นี้ เป็น อูซิก ที่เดินหน้าคุมเกมไว้ได้ทั้งหมด โดยอาศัยจุดเด่นความเร็วในการออกหมัดและโยกหลบหมัดชุดของแชมป์โลกได้อย่างคล่องแคล่ว ครบ 12 ยก อูซิก จึงชนะคะแนนไปเอกฉันท์ 117-112, 116-112, 115-113 คะแนน รักษาสถิติชนะรวดทั้ง 19 ไฟต์ในการชกมวยอาชีพ (ชนะน็อก 13 ครั้ง) ส่วน โจชัว ต้องพ่ายเป็นครั้งที่ 2 ในการชกอาชีพ 26 ไฟต์

สำหรับไฟต์นี้ถือเป็นผลการชกที่พลิกความคาดหมาย โดยเดิมที โจชัว มีคิวขึ้นดวลกับ ไทสัน ฟิวรี อดีตแชมป์โลกเพื่อนร่วมชาติ แต่ไฟต์ล่มไปเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

ทำให้ โจชัว เลือกชกกับ อูซิก ซึ่งเป็นอดีตแชมป์โลกรุ่นครุยเซอร์เวตที่อยู่ในคิวท้าชิงของดับเบิลยูบีโอ ท่ามกลางการคาดหมายของสื่อว่าเป็นการชกคั่นเวลารอไฟต์ใหญ่ และ โจชัว ก็ได้เปรียบเรื่องน้ำหนักตัว เพราะ อูซิก ต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาชกในไฟต์นี้ด้วย