ไม่สนคำวิจารณ์ ฟลอยด์ “เดอะมันนี่” เดินหน้าซ้อมชกต่อ เผยไม่หวั่นโควิด

Boxing-276

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ออกมาซ้อมชกมวยที่ยิมของตัวเอง จนทำให้โดนหลายคนตำหนิอย่างรุนแรง

เพราะพวกเขามองว่าอดีตยอดกำปั้นควรจะต้องกักตัวอยู่ในบ้านเป็นหลักเหมือนคนอื่นๆ

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อดีตยอดนักมวยชาวอเมริกัน โดนหลายคนตำหนิอย่างหนัก หลังจากที่เขาละเมิดกฎการกักตัวแล้วออกมาซ้อมชกมวยกับทีมงานของเขาที่ยิมช็อกมวยของตัวเองในนครลาส เวกัส รัฐเนวาด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา

สหรัฐฯ นับเป็นชาติที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงที่สุดของโลก ด้วยจำนวน 987,322 คน ส่วนคนที่เสียชีวิตจากเชื้อนี้ของแดนลุงแซมก็สูงเป็นอันดับ 1 ที่จำนวน 55,415 เหมือนกัน โดยถ้านับเฉพาะรัฐเนวาด้า มันก็มีคนที่ติดเชื้อเกิน 4,000 ราย และมีคนที่เสียชีวิต 206 คน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลของ สหรัฐอเมริกา ก็ใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อระงับการแพร่ระบาดของเชื้อ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ออกมาซ้อมชกมวยแบบเริงร่า โดยเขายังโพสต์คลิปวิดีโอตอนที่ทีมงานช่วยเตรียมความพร้อมให้เขาลงบน อินสตาแกรม เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิตเองด้วย ซึ่งมันก็มีแฟนมวยบางส่วนที่ออกมาตำหนิเขาที่ละเมิดกฎล็อคดาวน์ อย่างเช่นข้อความที่บอกว่า “เว้นระยะห่างทางสังคมได้ดีนี่” และ “สรุปคือทุกคนต้องอยู่ในบ้านและไม่ควรทำงานที่ยังไม่จำเป็นเท่าไหร่ นอกจาก เมย์เวทเธอร์ งั้นเหรอ ?” เป็นต้น ขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า “ทีมงานใส่หน้ากาก แต่กลับทาวาสลีนโดยที่ไม่ใส่ถุงมือเนี่ยนะ”

“ไทสัน” เตรียมฟิตซ้อม พร้อมรีเทิร์นคืนสังเวียนด้วยวัย 53 ปี

ไมค์ ไทสัน ตำนานแชมป์โลกรุ่นยักษ์ชาวอเมริกัน เผยร่างกายทุกวันนี้ยังฟิตสมบูรณ์แข็งแรง และตั้งเป้าหมายอยากกลับมาขึ้นสังเวียนชกมวยอีกครั้งในรูปแบบการกุศล

อดีตแชมป์โลกเฮฟวี่เวท แขวนนวมมานาน 15 ปี ก่อนผันตัวเองไปทำงานแขนงต่างๆเช่น แสดงภาพยนตร์, เดินสายเดี่ยวไมโครโฟน รวมถึงสร้างอาณาจักรกัญชาจนรวยมหาศาล

กระนั้นเอง “มฤตยูดำ” ก็ยังไม่ลืมว่าตัวเองแจ้งเกิดจากการชกมวย โดยบอกว่ายังซ้อมชกตามปกติ เพื่อรักษาสภาพร่างกายและสปีดความเร็ว โดยมีความหวังอยากชกอีกครั้ง

ไทสัน พูดเรื่องนี้ผ่านแชทใน อินสตาแกรม ว่า “สัปดาห์ที่แล้วผมเริ่มต่อยนวม มันหนักหนากว่าอดีตเยอะ ร่างกายผมมันตอบสนองช้ากว่าเดิมและเหนื่อยล้า กระนั้นผมก็ออกกำลังกายและพยายามขึ้นเวที”

โดยทาง ไทสัน ได้กล่าวไว้ว่า “ผมคิดว่าตัวเองน่าจะได้ชกรายการพิเศษสักอย่าง ผมอยากไปโรงยิมและรักษาร่างกายตัวเองเพื่อชกสัก 3-4 ยก อาจเป็นรายการการกุศล ระดมเงินเพื่อช่วยคนยากไร้หรือผู้ติดยาแบบที่ผมเคยเป็น”

ฟลอยด์ ส่อแววกลับฟิตซ้อมอีกครั้ง เหตุ เจอโจทย์เก่า ดาหน้า ท้าชน บ่อย

จากคลิปวิดิโอ ที่ถูกนำออกมาเผยแพร่ เห็นได้ชัดว่า ฟลอยด์ นั้นดูไม่เหมือนกับชายทั่วไปในวัยกลางคนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งหากวิกฤตไวรัสร้ายผ่านพ้นไป อดีตแชมป์โลก 5 พิกัดรุ่นอย่างเขา จะคืนสังเวียนอีกครั้งในปี 2020 ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด

อดีตยอดมวยคนดัง อาจคัมแบ๊กอย่างน้อยหนึ่งหรือสองไฟต์ในปีนี้ แต่ทั้งหมดนั้นต้องให้เรื่องร้ายๆกระแสไวรัสนั้นผ่านพ้นไปเสียก่อน ซึ่งคู่ต่อสู้ที่น่าจะเหมาะสมที่สุด ก็คงไม่มีใครเกิน แมนนี ปาเกียว อย่างไรก็ตาม หลังการจากไปของอาแท้ๆ คือ โรเจอร์ เทรนเนอร์คู่ใจไปเมื่อเร็วๆนี้ ฟลอยด์ หันมาทุ่มเทการสอนมวยให้กับลูกหลานของตัวในโรงยิม

ขณะเดียวกันที่อาร์เจนติน่า มาร์คอส ไมดาน่า อดีตแชมป์โลกชาวฟ้าขาว คู่ปรับเก่าผู้เคยแพ้ฟลอยด์มาแล้ว 2 ครั้งรวด ในปี 2014 เริ่มเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวเรียกหา ฟลอยด์ อีกคำรบ

โดย ไมดาน่า จะพบกับ ฮอร์เก้ คาลี นักสู้ MMA รุ่นเก๋าเป็นนัดพิเศษ ตามกำหนดเดิมในเดือนเม.ย.ปีนี้ แต่เนื่องจากเป็นช่วงแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้แผนการต้องเลื่อนออกไป

ซึ่ง คาลี เองออกมาชื่นชมว่า ไมอาน่า ว่ายังมีสภาพร่างกายดี ตอนนี้เพิ่งจะอายุ 36 ปี ตนเองมั่นใจว่า หากไมดาน่าได้พบกับฟลอยด์ ในภาค 3 เขาจะสามารถถอนแค้นได้อย่างแน่นอน

เพราะหากใครยังจำไฟต์แรกได้ คงตระหนักดีว่า ไมดาน่า ควรจะเป็นผู้ชนะด้วยซ้ำไป แม้ฟลอยด์จะพิสูจน์ให้เห็นว่า เขามีการแก้ทางมวยที่ดี และคู่ควรกับการเป็นมือหนึ่งของโลกก็ตาม

“เพชรยินดี” ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

แนวทางการช่วยเหลือเยียวยาค่ายมวยในสังกัด ศึกเพชรยินดีและในเครือมีดังนี้ เราจะช่วยเหลือค่ายมวยที่อยู่ในสังกัด ค่ายละ1หมื่นบาท เพื่อนำไปช่วยเหลือนักมวยในสังกัดของท่าน

วิธีการรับการช่วยเหลือคือ
1. ตรวจสอบรายชื่อค่ายมวยของท่านพร้อมหมายเลขนำหน้า เช่น 1. ค่ายน.อนุวัตน์ยิม
และทักแชทส่วนตัวมาหาผม

2. นำหลักฐานบัตรหัวหน้าคณะแนบไว้พร้อมกับหมายเลขบัญชีธนาคาร เราจะตรวจสอบชื่อ ชื่อในบัตรหัวหน้าคณะกับชื่อในหมายเลขบัญชีให้ตรงกันเพื่อที่จะโอนเงินอย่างถูกต้องไม่ผิดคนหรือกันคนแอบอ้าง

เผย ที่มาของรอยสักบนหน้า หนึ่งในตานานนักชก “ไมค์ ไทสัน”

ไมค์ ไทสัน อดีตกำปั้นแชมป์โลกค้างฟ้าชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักกันดีจากพลังหมัดอันหนักหน่วงและลีลาการชกที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงรอยสักบนใบหน้าที่หลายคนต่างอยากรู้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

อดีตแชมป์โลกรุ่นยักษ์ มีรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ที่บริเวณด้านข้างดวงตาฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นลวดลายชนเผ่าซึ่งสักไว้ตั้งแต่ยังไม่เลิกชกอาชีพ และ เจฟฟ์ เฟเนช อดีตเทรนเนอร์ข้างกาย ก็เป็นคนออกมาเปิดเผยเบื้องหลังของรอยสักนี้แฟนคลับรู้โดยกระจ่าง

เฟเนช เล่าผ่าน FOX ว่ารอยสักนี้ของ ไทสัน เกิดขึ้นตอนเจ้าตัวอายุ 36 ปี หลังจากที่พ่ายแพ้ให้แก่ เลนนอกซ์ ลูอิส เมื่อปี 2002 เจ้าของสมญา “มฤตยูดำ” ก็ไปสักเพื่อเป็นข้ออ้างในการไม่อยากขึ้นเวทีชกไฟต์ต่อไป ซึ่งมีกำหนดการเจอกับ คลิฟฟอร์ด เอเตียนน์ ในปีถัดมา

“ความประทับใจแรกคือผมไม่เคยมีรอยสักมาก่อนในชีวิต แต่ผมคิดว่าขณะที่เรากำลังจะขึ้นเวทีต่อสู้ในอีก 1 สัปดาห์ แล้วคุณดันไปสักมา คุณขึ้นไปต่อยไม่ได้หรอกเพราะมันจะเป็นแผลตกสะเก็ด แล้วมันก็ไม่ดีกับสุขภาพ”

“เรานั่งคุยกันและเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากชก และนั่นก็คือเหตุผลที่เขาไปสักมา เราคุยกันจบลงใน 1 ชั่วโมง และผมก็ร้องไห้หลังเดินออกมาในคืนนั้น ผมนอนอยู่ที่โรงแรมแบบสิ้นหวัง ทั้งที่ผมยอมห่างบ้าน 8 สัปดาห์ใน ลาส เวกัส ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อให้เขาพร้อมต่อสู้ แต่สุดท้ายผมก็อยู่ในโรงแรมและตีตั๋วเครื่องบินกลับไปหาครอบครัว เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญอันดับแรกของผม”

อย่างไรก็ตาม ไทสัน กลับเปลี่ยนใจมาชกอีกครั้งโดยได้ เฟรดดี โรช มาเป็นเทรนเนอร์ขัดตาทัพ และขึ้นไปน็อค คลิฟฟอร์ด เอเตียนน์ ในเวลาแค่ 43 วินาทีของยกแรก วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2003 และเป็นชัยชนะสุดท้ายในสังเวียนอาชีพของ ไทสัน ก่อนแพ้ แดนนี วิลเลียมส์ ปี 2004 กับ เควิน แม็คไบรด์ ปี 2005 ในสองไฟต์ถัดมา และแขวนนวมอย่างเป็นทางการ

เรื่องสะเทือนวงการ กำปั้นดาวรุ่งของประเทศ เอลซัลวาดอร์ ถูกยิงดับ

เรื่องเศร้าของวงการมวย ประเทศเอลซัลวาดอร์ ที่ต้องสูญเสียกับนักชกหนุ่มดาวรุ่งวัยแค่22ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน2563 ได้เกิดเหตุฆาตกรรมใน Santa Anita Barrio กลางเมืองหลวง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมีการยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

หลังจากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ อเล็กซิส“ Payasito” Navidad โดยเขาถูกยิงจากชายสองคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์พุ่งเข้าหาพร้อมกับการเปิดฉากยิง ในขณะทีกำลังเดินอยู่ จากเหตุการนี้ยังผู้ถูกลูกหลงอีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่หลังจากนั่นไม่นาน ทางเจ้าหน้าทีได้ทำการตรวจค้นพื้นที่ก่อนที่จะจับกุมผู้ต้องสองสัยได้สองคน

แม้จะมีข่าวออกมาว่า อเล็กซิส อาจจะมีส่วนพัวพันและเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิทธิพลระดับชาติ แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเขา มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับการก่ออาชญากรรม จนทางบอสใหญ่สถาบันกีฬาแห่งชาติ Yamil Bukele และสมาคมมวยอาชีพ Salvadoran (ASABOX) ต่างก็ออกมาการันตีแถลงต่อสาธารณชนเพื่อชี้แจงว่า อเล็กซิส Navidad ไม่ได้มีส่วนร่วมในแก๊งอาชญากรรมใดๆ อย่างแน่นอน

อเล็กซิส เพิ่งจะเริ่มต้นเทิร์นโปรโดยการเอาชนะอย่างเป็นเอกฉันท์ ต่อ อันโตนิโอ กาเลอาโน ในเดือนพฤศจิกายนปี 2560 ด้วยในด้านงานสังคมเขาเป็นคนหนุ่มที่มีไฟ ช่วยเหลือรัฐในกิจกรรมต่างๆอย่างมากมาย จนเป้นที่รักของคนไกล้ชิด การเสียชีวิตแบบกระทันหันในครั้งนี้ นำความโศกเศร้าต่อผู้พบเห็น โดยทิ้งลูกชายวัยสี่เดือนและคู่หมั้นสาวไว้ข้างหลัง

“ปาเกียว” โคตรกำปั้นชาวฟิลิปปินส์เสี่ยงติด COVID-19 หลังไปร่วมงานปาร์ตี้ในช่วงวิกฤติ

“เดอะ แพ็คแมน” แมนนี่ ปาเกียว ยอดนักชกชาวฟิลิปปินส์ ที่สุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนา2020 (COVID-19) หลังเดินทางไปร่วมงานปาร์ตี้ทางการเมืองเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา

กำปั้นสุดเกร่งวัย 41 ปี ที่มีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาในบ้านเกิดของตนนั้น ได้พบกับ “โคโค พิเมนเทล” สมาชิกวุฒิสภาเพื่อนร่วมพรรคที่งานเลี้ยงดังกล่าว ซึ่งในเวลาต่อมาผลตรวจระบุว่า พิเมนเทล นั้นติดเชื้อไวรัสโคโรนา2020 (COVID-19)

ทำให้มีจดหมายจากเพื่อนบ้านส่งตรงถึง อดีตแชมป์โลก 8 รุ่น ให้กักตัวเองภายในบ้านตัวเองเพื่อรอดูอาการว่าจะติดเชื้อหรือไม่ “เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวคุณ และคนรอบข้าง โปรดกักตัวอยู่บ้าน”

“เราขอความร่วมมือ หากคุณต้องการสิ่งใดโปรดโทรหา บารังไกย์ (หน่วยการปกครองท้องถิ่น) พวกเขาจะจัดหาสิ่งต่างๆ ไปส่งให้คุณที่ประตูบ้าน”

โดยตอนนี้ แมนนี่ ปาเกียว อาศัยอยู่ที่ “ฟอร์บส์ พาร์ค” ย่าน มากาติ ซิตี้ แหล่งเจริญในเมืองหลวงมะนิลา โดยคฤหาสน์หลังนี้เจ้าตัวซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2012 ด้วยราคา 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 283,600,000 บาท)

ซึ่งแน่นอนมันเพียงพอที่จะอำนวยความสะดวกในการกักตัวตามกฎ 14 วัน และเพียงพอสำหรับทุกคนในบ้าน (จินกี้ ภรรยา และลูกอีก 5 คน) ด้วยความที่มันมีขนาดใหญ่มากๆ มีสระว่ายน้ำ, สนามเทนนิส รวมถึงห้องจำนวนมากมาย

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ในฟิลิปปินส์ ต้องบอกว่าเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน ถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อกว่า 800 คน และเสียชีวิตไปแล้ว 54 ราย โดยมีแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9 ราย ทำให้ทางการเริ่มบังคับให้คนที่มีความสุ่มเสี่ยงควรกักตัวอยู่ในบ้าน