“คัมโบซอส” แลกหมัด “โลเปซ” สุดเดือด ก่อนคว้าแชมป์โลกรุ่นไลต์เวต

การแข่งขันมวยสากล รายการ Matchroom Boxing เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ที่ฮูลู เธียเตอร์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

คู่เอกของรายการ เป็นการชิงแชมป์โลกรุ่นไลต์เวต WBA (ซูเปอร์), WBC (แฟรนไชส์), IBF, WBO และ The Ring ระหว่างแชมป์ “เทโอฟิโม โลเปซ” ชาวอเมริกัน เจ้าของสถิติไร้พ่าย ชนะ 16 ไฟต์รวด โดยเป็นการชนะน็อก 12 ไฟต์ พบกับผู้ท้าชิง “จอร์จ คัมโบซอส จูเนียร์” จากออสเตรเลีย ที่ยังไม่เคยแพ้ใครเช่นกัน มาพร้อมสถิติชนะ 19 เป็นการชนะน็อก 10 ไฟต์

ไฮไลต์การชกเริ่มตั้งแต่ยกแรก เมื่อ โลเปซ ที่เดินหน้าเร่งเครื่องทันที แต่เจอ คัมโบซอส สวนหมัดใส่ไปเต็มแรงจนวูบลงไปให้กรรมการนับ แต่โชคดีที่หมดยกก่อน ทำให้แชมป์เอาตัวรอดไปได้

เกมการชกหลังจากนั้น โลเปซ เริ่มรัดกุมมากขึ้น ออกหมัดสลับใบหน้าและลำตัว ด้าน คัมโบซอส เองมาด้วยกลยุทธ์ดักต่อย ซึ่งก็เข้าเป้าหลายดอกเช่นกัน

การชกดำเนินมาถึงยกที่ 10 เป็น โลเปซ ที่สบจังหวะปล่อยหมัดขวาส่ง คัมโบซอส ร่วงลงไปให้กรรมการนับบ้าง แต่ผู้ท้าชิงจากแดนจิงโจ้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนลุกขึ้นมาลุยต่อจบครบ 12 ยกอย่างสุดมัน

สรุปผลการชก คัมโบซอส เป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างไม่เอกฉันท์ 115-111, 113-114 และ 115-112 กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นไลต์เวตคนใหม่ของ WBA (ซูเปอร์), WBC (แฟรนไชส์), IBF, WBO และ The Ring พร้อมยัดเยียดความปราชัยไฟต์แรกในชีวิตให้ โลเปซ ได้สำเร็จ

“ครอว์ฟอร์ด” ปิดบัญชี “พอร์เตอร์” ยก 10 ป้องกันแชมป์ WBO พร้อมเพิ่มสถิติไร้พ่าย

การแข่งขันชกมวย ท็อป แรงก์ ชิงแชมป์โลก รุ่นเวลเตอร์เวต องค์กรมวยโลก (WBO) ที่สังเวียน มันดาเลย์ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ คาซิโน, ลาส เวกัส, ประเทศสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

เทอเรนซ์ ครอว์ฟอร์ด แชมป์โลกชาวอเมริกัน เจ้าของสถิติไร้พ่าย ชนะรวด 37 ไฟต์ ขึ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์ครั้งที่ 5 กับ ชอว์น พอร์เตอร์ กำปั้นเพื่อนร่วมชาติ เจ้าของสถิติชนะ 31 แพ้ 3 เสมอ 1 ครั้ง

เปิดฉากมาในช่วงยกต้นๆ ชอว์น พอร์เตอร์ ผู้ท้าชิงออกมาชวนบู๊ทันทีเดินออกหมัดหนักๆ เล่นงานเข้าใส่ ทำเอา เทอเรนซ์ ครอว์ฟอร์ด ถึงกับต้องตั้งตัวไม่ทันต้องอาศัยการกอดเพื่อหยุดการโจมตีของคู่ชก

เข้าสู่ยก 6 แชมป์โลก เริ่มจับจังหวะการเดินลุยแบบบ้าเลือดของผู้ท้าชิงได้แล้ว อาศัยหมัดดักสวนจังๆ ได้หลายครั้ง แต่ พอร์เตอร์ ที่วางแผนมาเดินสู้ก็ยังคงเดินออกหมัดโจมตีแบบไม่มีเกรงกลัว

การชกเป็นไปอย่างดุเดือด นักชกทั้งคู่ออกอาวุธแลกหมัดกันชนิดใครดีใครอยู่ ก่อนที่เข้าสู่ยกที่ 10 พอร์เตอร์ ที่ยังคงบุ่มบ่ามเดินปล่อยหมัดเล่นงานมาโดนหมัดสวนซ้ายของ ครอว์ฟอร์ด เข้าปลายคาง หล่นลงไปให้กรมมการนับถึง 8 ก่อนลุกขึ้นมาสู้ต่อได้

อย่างไรก็ตาม แชมป์โลก ไม่ปล่อยโอกาสทองเดินรุกไล่ออกหมัดชุดเล่นงานส่งคู่ชกหล่นลงไปกองอีกครั้ง ซึ่งในจังหวะนี้เจ้าตัวถึงกับออกอาการหงุดหงิดเอากำปั้นทุบพื้น และพยายามจะฝืนลุกขึ้นมาสู้ต่อ แต่ เคนนี่ พอร์เตอร์ คุณพ่อ และเทรนเนอร์ของเจ้าตัวตัดสินใจโบกผ้าขอยอมแพ้ไปในที่สุด

ทำให้ เทอเรนซ์ ครอว์ฟอร์ด ป้องกันแชมป์โลก รุ่นเวลเตอร์เวต องค์กรมวยโลก (WBO) ไว้ได้เป็นสมัยที่ 5 พร้อมทั้งยังรักษาสถิติไร้พ่ายต่อไป ด้วยการชนะรวด 38 ไฟต์ติดต่อกันเข้าไปแล้ว (ชนะน็อก 29 ครั้ง)

“ไมค์ ไทสัน” ฟิตซ้อมอย่างหนัก หลังถูก “โลแกน พอล” ท้าให้คืนสังเวียน

การต่อสู้ของ “มฤตยูดำ” ไมค์ ไทสัน อดีตกำปั้นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 3 สถาบัน กับ โลแกน พอล ยูทูบเบอร์จอมเกรียน กำลังได้รับการจับตามอง แม้จะยังไม่มีการประกาศกำหนดไฟต์การชกอย่างเป็นทางการ

แต่ล่าสุด อดีตราชากำปั้นโลกรุ่นยักษ์ ตัดสินใจกลับเข้าโรงยิมอีกครั้ง แถมมีการฝึกที่หนักหน่วงเสียด้วย งานนี้เห็นแล้วทำให้นึกถึงลีลาสมัยหนุ่มๆ ของเจ้าตัวที่จะทำการโยกตัวระดมหมัดหนักๆ เข้าใส่คู่ชกบนสังเวียน

แม้จนถึงตอนนี้ อดีตกำปั้นวัย 55 ปี จะไม่ได้ออกมายืนยันว่าสนรับคำท้าของ ยูทูบเบอร์จอมแสบวัย 26 ปี หรือไม่ แต่จากการที่เจ้าตัวออกมาลงนวมซ้อมมวยอีกครั้ง บอกได้เลยว่างานนี้มีแฟนๆ หลายรายอยากให้เจ้าตัวตอบรับคำท้า

นั่นก็เพราะอยากเห็น โลแกน พอล และ เจค พอล สองพี่น้องจอมเกรียนที่ชอบออกมาท้าทายบรรดานักสู้อาชีพขึ้นสังเวียนลงไปนอนกองกับพื้น หลังจากที่ผ่านมาป่วนวงการด้วยการออกมาท้าชกกับนักสู้หลายรายทั้งในวงการมวยอาชีพ และวงการมวย MMA

โดยไฟต์ก่อนหน้านี้ โลแกน พอล สามารถยืนครบ 8 ยก ในการชกกับ “เดอะมันนี่” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อดีตกำปั้นไร้พ่ายชาวสหรัฐฯ ที่สังเวียน ฮาร์ดร็อค อารีน่า, ไมอามี่ เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ หลังเกมการชกจืดชืด

สำหรับ  “มฤตยูดำ” ไมค์ ไทสัน อดีตกำปั้นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต 3 สถาบัน (WBA, WBC และ IBF) มีสถิติการชก 58 ไฟต์ เป็นการชนะ 50 ครั้ง ชนะน็อก 44 ครั้ง แพ้ 6 และไม่มีการตัดสิน 2 ครั้ง ก่อนตัดสินใจอำลาสังเวียนเมื่อปี 2005 อย่างไรก็ตามเจ้าตัวหวนคืนสังเวียนพบกับ รอย โจนส์ จูเนียร์ อดีตโคตรมวยแชมป์โลก 4 รุ่น ในการชกพิเศษ 4 ยก เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน

“กาเนโล่” ปิดบัญชี “แพลนท์” ได้ในยกที่ 11 พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่

ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ กำปั้นชาวเม็กซิกัน ผงาดคว้าแชมป์โลกรุ่น ซูเปอร์ มิดเดิ้ลเวท 4 สถาบัน (WBC, WBA, WBO และ IBF) หลังคว่ำ คาเล็บ แพลนท์ นักชาวชาวสหรัฐฯ กระชากเข็มขัดแชมป์สหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) มาครองได้เพิ่มอีกเส้น

เกมการชกของทั้งคู่จัดขึ้นที่ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ การ์เด้น อารีน่า, ลาสเวกัส เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผานมา โดยคู่นี้มีปัญหากันตั้งแต่ในงานแถลงข่าวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจาก กำปั้นชาวสหรัฐฯ ไปด่าแม่ของกาเนโล่ ก่อนเกิดเรื่องชกต่อยกันจนทีมงานต้องเข้ามาแยก

เปิดฉากมาในช่วง 3 ยกแรก คาเล็บ แพลนท์ ที่ได้เปรียบในเรื่องของส่วนสูง และช่วงชกเป็นฝ่ายเดินออกหมัดแย็บเล่นงานได้อย่างจะแจ้ง รวมทั้งเลือกวนถอยอยู่วงนอกไม่เข้าปะทะ ขณะที่ กาเนโล่ พยายามเดินติดเพื่อที่จะออกหมัดตัดลำตัวไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามยิ่งมากยกขึ้น กำปั้นชาวเม็กซิกัน เริ่มคุมเกมได้เหนือกว่าด้วยการเร่งเครื่องเดินหน้าบดออกหมัดหนักๆ เล่นงานทั้งใบหน้าสลับลำตัวทำเอา นักชกชาวสหรัฐฯ มีอาการให้เห็นเหมือนกัน แต่ก็ยังเอาตัวรอดไปได้ในทุกยก

จนเข้าสู่ยกที่ 11 “กาเนโล่” คุมเกมได้เหนือกว่าชัดเจน เดินปล่อยหมัดฮุกซ้ายเข้าหน้าก่อนตามด้วยอัปเปอร์คัตขวาส่ง แพลนท์ ทรุดลงไปกองให้กรรมการนับถึง 8 จากนั้นถือเป็นโอกาสทองของ “เจ้าหัวแดง” เมื่อเดินเร่งเครื่องไล่ถลุงก่อนออกหมัดย้ำๆ ส่งคู่ชกหงายท้องลงไปให้กรรมการยุติการชกในที่สุด

จากชัยชนะในไฟต์นี้ทำให้ ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ กำปั้นชาวเม็กซิกันวัย 31 ปี รวบแชมป์โลก 4 สถาบัน (WBC, WBA, WBO และ IBF) และ เข็มขัด The Ring มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นนักชกคนแรกของโลกที่สามารถทำได้สำเร็จในพิกัดนี้ นอกจากนี้ยังยัดเยียดความปราชัยไฟต์แรกในชีวิตให้กับ คาเล็บ แพลนท์ ได้รู้จักอีกด้วย

“แก่นนคร” เตรียมขึ้นชิงเข็มขัดกับ “อิโนะอุเอะ” ในวันที่ 14 ธ.ค. 64 นี้

ได้โอกาสลุ้นแชมป์โลกเป็นครั้งแรกสำหรับ แก่นนคร จีพีพีเรือใบไข่มุก นักชกชาวไทย โดยมีคู่ชกเป็น นาโอยะ อิโนะอุเอะ ยอดนักชกของญี่ปุ่น

แก่นนคร หรือ อรัญ ดีแป้น ถือเป็นหนึ่งในนักมวยสากลน่าจับตามองของไทย เขามีหมัดหนักเป็นอาวุธ ด้วยสถิติการชกชนะ 12 ครั้ง และเป็นชนะน็อกถึง 11 ครั้ง และแพ้ไปเพียง 2 ครั้ง

นักชกจากเมืองหมอแคน เพิ่งจะคว้าแชมป์ IBF แพนแปซิฟิก ในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวต ด้วยการชนะน็อก โจมาร์ ฟาจาร์โด นักชกจากฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา

ขณะที่นาโอยะ อิโนะอุเอะ ได้รับการขนานนามว่า “สัตว์ประหลาด” จากลีลาการชกที่ว่องไว ด้วยสถิติชนะรวด 21 ครั้ง (ชนะน็อก 18 ครั้ง) และเป็นเจ้าของเข็มขัดแชมป์ในรุ่นแบนตัมเวตทั้งสามสถาบันคือ สหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF), สมาคมมวยโลก (WBA) และ The Ring

“นักชกไทยมีภาพลักษณ์ที่มานะอดทน ผมยังไม่ได้ดูวิดีโอการชกของคู่แข่ง แต่ผมจะไม่ประมาท และจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน” อิโนะอุเอะ กล่าวในงานแถลงข่าว

ไฟต์ชิงแชมป์โลกครั้งนี้จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม ที่เรียวโงคุ โคคุงิคัง กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสนามที่เคยเป็นสังเวียนหลักของการแข่งขันชกมวยในกีฬาโอลิมปิก 2020 มาแล้ว