“นิโก้ อาลี” หลาน “มูฮัมหมัด อาลี” เดินหน้าทำสถิติชนะน็อคได้ 2 นัดรวดแล้ว

ยังคงเป็นที่จับตามองในวงการกำปั้นสำหรับ นิโก้ อาลี วอลช์ กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ หลายชายแท้ๆ ของ มูฮัมหมัด อาลี นักชกระดับตำนาน แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต ที่ขึ้นสังเวียนมวยอาชีพไฟต์ที่สอง

โดย กำปั้นวัย 21 ปี เดินตามรอยเท้าของคุณปู่ผู้ล่วงลับได้สวยหรู หลังเอาชนะ เจมส์ เวสต์ลี่ย์ กำปั้นจอมเก๋าวัย 36 ปี ที่สังเวียน สเตท ฟาร์ม อารีน่า, แอตาแลนต้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

รูปเกมเป็น นิโก้ อาลี วอลช์ ที่ทำได้เหนือกว่าชัดเจน แถมในช่วงปลายยกที่ 2 ยังปล่อยขวาตรงส่งคู่ชกลงไปกองให้กรรมการนับถึง 8 ซึ่งแม้ระฆังพักยกจะช่วยไว้ได้ทัน แต่พอเข้ายกที่ 3 กำปั้นฟอร์มสดก็เดินเข้าหา และปล่อยขวาตรงส่งคู่ชกลงไปกองอีกครั้ง

งานนี้ทำให้พี่เลี้ยงของ เจมส์ เวสต์ลี่ย์ ตัดสินใจโยนผ้าขอยอมแพ้ทันที ทำให้ นิโก้ อาลี วอลช์ เป็นฝ่ายเอาชนะน็อกไปได้ในยกที่ 3 พร้อมเดินหน้าสร้างสถิติชนะรวด 2 ไฟต์ แถมเป็นการชนะแบบไม่ครบยกทั้งหมด

“ซุปเปอร์บอน” มุ่งหน้าสู่ USA หลังคว้าแชมป์โลก ONE สำเร็จ

อัปเดตความเคลื่อนไหว ซุปเปอร์บอน หลังจากโค่นตัวพ่ออย่าง “จอร์จิโจ เปโตรเซียน” ด้วยลูกเตะก้านคอบันลือโลก ผงาดคว้าแชมป์ ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวตได้สำเร็จในศึก ONE: FIRST STRIKE เมื่อ 15 ต.ค.64

เจ้าตัวก็บินลัดฟ้าสู่มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมเป็นวิทยากรสัมนาการฝึกมวยไทยพร้อมกับท่องเที่ยวและพักผ่อนไปในตัว

นักชกชาวพัทลุง วัย 31 ปี ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านอินสตาแกรมเพื่อพบปะพูดคุยกับแฟนคลับหลังได้แชมป์พร้อมบอกข่าวการเดินทางครั้งนี้ โดยเผยว่าจะไปสมทบกับ “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” ที่เดินทางไปแล้วล่วงหน้าหลังจากคว้าชัยในศึก ONE: REVOLUTION เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา

ซุปเปอร์บอน และ เพชรทนง รุ่นพี่รุ่นน้องคู่ซี้ มีกำหนดเดินสายเป็นวิทยากรในการสัมนาการฝึกมวยไทยในหลายเมืองในอเมริกาเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน

โดยมีแฟนกีฬาที่ชื่นชอบกีฬามวยไทยให้ความสนใจลงสมัครฝึกวิชาจากยอดฝีมือชาวไทยทั้งสองจำนวนมาก พร้อมกันนั้นทั้งคู่ก็จะถือโอกาสพักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการฝึกซ้อมอย่างหนักมาเป็นปี

“ฟิวรี่” ย้ำแค้นถล่มใส่ “ไวลเดอร์” หลับในยก 11 ป้องแชมป์ WBC ไว้ได้

การแข่งขันชกมวยโลก เดิมพันเข็มขัดแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นเฮฟวี่เวต ระหว่าง “ยิปซีคิง” ไทสัน ฟิวรี่ แชมป์ชาวอังกฤษ พบกับ ดีออนเตย์ ไวลเดอร์ ผู้ท้าชิงชาวสหรัฐฯ ที่สังเวียน ที-โมบาย อารน่า, ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564

โดยคู่นี้เจอกันมาแล้ว 2 ครั้ง ปรากฎว่าในไฟต์แรกเมื่อปี 2018 นั้นจบลงด้วยการเสมอกันไป ขณะที่ไฟต์สองเมื่อต้นปี 2020 เป็น ไทสัน ฟิวรี่ ที่เป็นฝ่ายเอาชนะน็อกไปได้ในยกที่ 7 หลังพี่เลี้ยงของ ไวลเดอร์ ตัดสินใจโยนผ้าขอยอมแพ้

เปิดฉากยกแรก ดีออนเตย์ ไวลเดอร์ ผู้ท้าชิงออกมาเดินออกหมัดหนักๆ เล่นงานทันที มีหมัดซ้ายตัดลำตัวต่อเนื่อง ขณะที่ ไทสัน ฟิวรี่ ยังเน้นรัดกุมเดินออกหมัดแย็บซ้าย และมีขวาตรงเล่นงานแต่ก็ยังทำได้ไม่จะแจ้ง

ยกสอง แชมป์โลก เปลี่ยนแผนออกมาเดินลุยทันทีปล่อยหมัดหนึ่งสองเล่นงานทันที ด้าน ไวลเดอร์ ก็ยังคงเน้นออกหมัดตัดลำตัวเป็นพิเศษ ในช่วงท้ายยกทั้งคู่ยืนติดคลุกวงในแลกหมัดกันในระยะประชิด

ยกสาม กำปั้นทั้งคู่ออกมาสาดอาวุธใส่กันมากขึ้น ไวลเดอร์ ออกมาทิ้งขวาเข้าเต็มคางทำเอา ฟิวรี่ ต้องโผเข้ากอด แต่ในช่วงท้ายยก แชมป์โลก พลิกสถานการณ์ด้วยหมัดขวา ก่อนตามอัปเปอร์คัตขวาส่งผู้ท้าชิงหล่นลงไปให้กรรมการนับ 8

ยกสี่ ฟิวรี่ ออกมาลุยทันทีปล่อยหมัดแย็บซ้าย และตามด้วยขวาเล่นงานต่อเนื่องแต่ ไวลเดอร์ ก็ป้องกันตัวไว้ได้ แถมในช่วงปลายยกมาต่อยขวาเข้าหัวทำเอา ฟิวรี่ หล่นลงไปให้กรรมการนับ 8 ก่อนลุกขึ้นมาสู้ต่อ แต่ก็โดนซ้ำจนโดนนับอีกครั้ง

ยกห้า ไวลเดอร์ ออกมาเดินใส่โชว์ออกหมัดหนึ่งสองเล่นงานต่อเนื่อง แถมมีการทิ้งหมัดขวาหนักๆ เล่นงานทำเอาคู่ชกเอนติดเชือก ขณะที่ ฟิวรี่ ดูเหมือนว่าจะยังไม่ฟื้นทำได้แค่เน้นป้องกันตัวเป็นส่วนใหญ่

ยกหก นักชกทั้งคู่ออกมาแลกหมัดกันสนุกโดยฝั่ง ไวลเดอร์ เน้นออกหมัดแย็บซ้ายเล่นงาน แล้วมีหมัดขวาหนักๆ เป็นทีเด็ด ขณะที่ ฟิวรี่ พยายามเดินติดเล่นงานด้วยหมัดอัปเปอร์คัตสั้นๆ และหมัดตัดลำตัว

ยกเจ็ด เกมยังดำเนินไปอย่างสนุก กำปั้นทั้งคู่ออกมาแลกหมัดกันชนิดไม่มีใครยอมใคร แต่ในช่วงท้ายเป็น ไทสัน ฟิวรี่ ที่เหนือกว่าชัดเจนเมื่อปล่อยหมัดซ้ายขวาเข้าหน้าของคู่ชกทำเอาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

ยกแปด แชมป์โลก เริ่มคุมสถานการณ์ไว้ได้ออกมาเดินเข้าหาทันที มีหมัดแย็บซ้ายเล่นงานแล้วทิ่้มด้วยขวาตรงทำเอา ไวลเดอร์ ออกอาการเซอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังกัดฟันปล่อยหมัดสวนเป็นระยะ

ยกเก้า ฟิวรี่ พยายามเดินติดออกหมัดแย็บซ้ายเล่นงานต่อเนื่อง แล้วตามด้วยหมัดชุดหนักๆ ทำเอา ไวลเดอร์ ต้องปรี่เข้ากอด แต่ก็มีหมัดสวนออกมาเป็นระยะเหมือนกันแต่ยังไม่เข้าเป้า

ยกสิบ รูปเกมยังเหมือนเดิม กำปั้นชาวอังกฤษ ออกมาเดินแย็บซ้ายนำแล้วตามด้วยขวาเข้าปลายคางส่ง นักชาวสหรัฐฯ หล่นลงไปให้กรรมการนับถึง 8 อีกครั้ง ก่อนที่ปลายยก ไวลเดอร์ จะมาเร่งเครื่องออกหมัดคืนบ้าง

ยกสิบเอ็ด ไทสัน ฟิวรี่ ออกมาเดินเร่งเครื่องตั้งแต่ต้นยกปล่อยซ้ายแล้วตามด้วยขวาตรงทำเอาคู่ชกถอยไปติดเชือกก่อนตามไปทิ้งขวาเข้าปลายคางส่ง ไวลเดอร์ หล่นลงไปกองให้กรรมการยุติการชกในที่สุด

ทำให้ “ยิปซีคิง” ไทสัน ฟิวรี่ กำปั้นชาวอังกฤษ เป็นฝ่ายเอาชนะน็อก ดีออนเตย์ ไวลเดอร์ ไปได้ในยกที่ 11 ด้วยเวลา 1 นาที 10 วินาที ป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นรุ่นเฮฟวี่เวต ของสภามวยโลก (WBC) พร้อมเข็มขัดเดอะริงก์ ได้สำเร็จ พร้อมรักษาสถิติชนะ 31 (ชนะน็อก 22 ครั้ง) เสมอ 1 ครั้ง และไม่เคยแพ้ใคร

ฝ่ายสืบสวนเผย AIBA มีการโกงผลตัดสินมวยโอลิมปิก 2016 ด้วยการยัดเงินล็อคผล

จากกรณีที่สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ หรือ AIBA เปิดการสืบสวนความโปร่งใสการตัดสินมวยสากลในโอลิมปิก 2016 ที่กลายเป็นปมปัญหาที่ทำให้ AIBA ถูกถอดสิทธิ์การเป็นผู้จัดมวยสากลในโอลิมปิก 2020

ส่งผลให้ AIBA ที่ปัจจุบันมี อูมาร์ เครมเลฟ ชาวรัสเซียเป็นประธาน ตัดสินใจว่าจ้าง ริชาร์ด แม็คลาเรน ทนายชื่อดังชาวแคนาดาพร้อมทีมงานเข้ามารับหน้าที่ตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตดังกล่าว

ประเด็นที่น่าสนใจอีกหนึ่งประเด็น ก็คือ ในรายงานฉบับนี้ ศาสตราจารย์แม็คลาเรน ได้มีการเปิดเผยว่า เขาได้พบหลักฐานว่า มีการติดสินบนผู้ตัดสินด้วยวิธีการสุดประหลาด นั่นก็คือ การยัดเงินราว 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ (3.3 ล้านบาท) ซ่อนอยู่ในหลอดยาสีฟัน และส่งไปให้กรรมการผู้ตัดสินที่พักอยู่ในโรงแรม ในคืนก่อนวันแข่งขันของนักมวยคู่นั้นๆ ขณะเดียวกัน ยังพบว่า มีการข่มขู่กรรมการที่ปฏิเสธที่จะร่วมการทุจริตในครั้งนี้

ไม่เพียงเท่านั้น การสืบสวนยังได้มีการจ้างนักสืบผู้มีประสบการณ์และพยานสำคัญกว่า 40 คน เพื่อวิเคราะห์เอกสาร, อีเมล และวิดีโอ เกือบสองล้านรายการ เพื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะพบว่า มีการดำเนินการทุจริตในลักษณะเช่นนี้อยู่จริง

การสืบสวน ไม่เพียงแค่สืบจากการแข่งขันโอลิมปิก 2016 เท่านั้น แต่ยังลงลึกไปถึงรายละเอียดในการแข่งขันรายการคัดเลือกระดับทวีป และรายการชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นก่อนการแข่งขันโอลิมปิก อีกด้วย ซึ่งก็ได้พบความผิดปกติในการแข่งขัน 11 แมตช์ แต่สำหรับไฟต์ที่ทีมสืบสวนลงลึกในรายละเอียดมีทั้งสิ้น 4 ไฟต์

โดยการแข่งขัน 11 แมตช์นั้น เกิดขึ้นจากข้อสงสัยที่ว่า กรรมการ 3 คน ให้คะแนนนักกีฬาฝ่ายหนึ่งชนะ แต่หากมีการเพิ่มกรรมการสังเกตการณ์อีก 2 คนเข้าไป จะพบว่านักกีฬาอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้ชนะแทน อย่างเช่น ในไฟต์ที่ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี พ่ายต่อ วลาดิเมียร์ นิกิติน 1-2 เสียง หากนับคะแนนจากกรรมการ 3 คน จะพบว่านักชกไทยแพ้ 1-2 เสียง แต่หากนับรวมถึงกรรมการสังเกตการณ์อีก 2 คน ที่ไม่ถูกนับรวมกับการตัดสินอย่างเป็นทางการ จะพบว่า ฉัตร์ชัยเดชา จะชนะ 3-2 เสียง

ขณะที่ในรายงานมีการระบุเพิ่มเติมในไฟต์ของฉัตร์ชัยเดชาว่า ผู้ตัดสินในไฟต์นี้ ถูกตั้งข้อสงสัยอยู่หลายคน อย่างเช่น เจอร์แมง โทนี่ ผู้ตัดสินชาวแคนาดา ที่มีการให้คะแนนต่อ นิกิติน ในไฟต์นี้ ที่แปลกกว่าปกติ เพราะในไฟต์นี้ นักวิจารณ์มวยเชื่อว่า ฉัตร์ชัยเดชา น่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก แต่คะแนนของกรรมการชาวแคนาดา กลับมาส่วนที่ทำให้ผลการแข่งขันเปลี่ยนไป

กระบวนการจากนี้ การสืบสวนของเเม็คลาเรน ยังคงดำเนินต่อไป เพราะนี่ถือเป็นเพียงขั้นตอนแรก สำหรับการเปิดโปงกระบวนการทุจริตครั้งนี้เท่านั้น