“มักซาโย่” กำปั้นฟิลิปปินส์ ชนะคะแนน “รัสเซลล์” คว้าแชมป์โลก WBC

การแข่งขันชกมวยโลก SHOWTIME คู่เอกของรายการ แกรี่ รัสเซลล์ จูเนียร์ นักชกสหรัฐฯ เจ้าของแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นเฟเธอร์เวต พบกับ มาร์ก มักซาโย่ ผู้ท้าชิงชาวฟิลิปปินส์ ที่เบอร์โกต้า โฮเทล คาสิโน, แอตแลนต้า, ประเทศสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา

เปิดฉากช่วงยกต้นๆ มาร์ก มักซาโย่ ผู้ท้าชิงไม่มีกลัวเดินลุยออกหมัดหนักๆ เล่นงาน แถมมีหมัดอัปเปอร์คัตขวาตัวลำตัวเป็นระยะ ขณะที่ แกรี่ รัสเซลล์ ยังวนอยู่วงนอกเน้นออกหมัดแย็บซ้ายนำ และดักปล่อยขวาเล่นงานใบหน้าได้จะแจ้ง

เข้าสู่ยกสี่ กำปั้นปินส์ มาได้โอกาสปล่อยหมัดโดนในช่วงต้นยกทำเอา แชมป์โลก เซไปติดเชือกจากนั้นระดมหมัดใส่ไม่ยั้ง แต่ก็ปิดบัญชีไม่ลงเนื่องจาก แกรี่ รัสเซลล์ ฉากหนีออกมาผ่อนระยะแล้วดักปล่อยหมัดสวนเหมือนเดิม

เกมยังสนุกช่วงยก 7-8 กำปั้นทั้งคู่ต่างเปิดเกมแลกกันในสไตล์ถนัด มาร์ก มักซาโย่ อาศัยเดินลุยออกหมัดชุดเล่นงานแบบต่อเนื่อง ขณะที่ กำปั้นเจ้าถิ่น อาศัยดึงจังหวะแล้วหาช่องปล่อยหมัดสวนตอบโต้เข้าหน้าได้หลายครั้งเหมือนกัน

รูปเกมการชกยืดเยื้อจนมาถึงยกสุดท้าย มาร์ก มักซาโย่ เดินลุยเหมือนเดิมไล่ออกหมัดโจมตีใส่ทั้งซ้ายและขวา ขณะที่ แกรี่ รัสเซลล์ ก็มั่นใจในตัวเองว่าคะแนนนำ ไม่เน้นปะทะอาศัยดึงจังหวะฉากแล้วออกหมัดตอบโต้

ครบ 12 ยก กรรมการรวมคะแนนก่อนชูมือให้ มาร์ก มักซาโย่ นักชาวชาวฟิลิปปินส์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้แบบเสียงข้างมาก 114-114, 115-113 และ 115-113 กลายเป็นแชมป์โลก รุ่นเฟเธอร์เวต ของ สภามวยโลก (WBC) คนใหม่ทันที ทำให้ แกรี่ รัสเซลล์ จูเนียร์ เสียแชมป์หลังจากป้องกันมาได้นานเกือบ 7 ปี

สำหรับ มาร์ก มักซาโย่ กำปั้นวัย 26 ปี เริ่มต้นชกมวยตั้งแต่อายุเพียงแค่ 8 ขวบ โดยลงแข่งขันในมวยสมัครเล่นกว่า 200 ครั้ง คว้าแชมป์ 4 สมัย ของสมาคมมวยสมัครเล่นแห่งฟิลิปปินส์ (ABAP) และคว้าตำแหน่งนักมวยยอดเยี่ยม 2 สมัย

เบนเข็มสู่มวยอาชีพเมื่อปี 2013 ซึ่งไฟต์ที่น่าจะเป็นที่จดจำของแฟนกำปั้นชาวไทยก็คือการชนะคะแนน ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ เมื่อปี 2019 ก่อนซ็นสัญญาภายใต้ MP Promotions (สังกัดของ แมนนี่ ปาเกียว) เมื่อต้นปี 2020 ซึ่งถึงปัจจุบันเจ้าตัวมีสถิติชนะรวด 24 ไฟต์ (ชนะน็อก 16 ครั้ง) และยังไม่เคยปราชัยให้กับคู่ชกรายไหนบนเส้นทางการชกอาชีพ

ONE ประกาศสั่งรีแมตช์ “ซุปเปอร์เกิร์ล vs บาร์บี้” ทันที

ความคืบหน้ากรณีไฟต์ดรามาค้านสายตาทั่วโลก ระหว่างนักมวยสาวไทย “ซุปเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทย” วัย 18 ปี กับคู่แข่งหญิงแกร่งเบลารุส “บาร์บี้” เอคาเทรินา วานดารีวา วัย 30 ปี ซึ่งชกในกติกามวยไทย 3 ยก ศึก ONE: Heavy Hitters เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.65 ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยหลังจากที่ทาง ONE ไม่มีนโยบายรีวิวการแข่งขันย้อนหลังตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป จึงประกาศจัดให้มีการรีแมตช์ทันที!

ด้านนักมวยสาวไทยวัย 18 ปี “ซุปเปอร์เกิร์ล” หลังลงจากเวทีแข่งขัน เธอเดินทางไปเช็กร่างกายที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ และขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น โดยขณะนี้กักตัวอยู่ที่ภูเก็ต และยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดจนกระทั่งขณะนี้ เพราะยังไม่พร้อมกับการแบกรับกระแสดรามาอย่างหนักที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากเหตุที่กรรมการตัดสินให้เธอเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่เอกฉันท์ (2:1 เสียง)

อย่างไรก็ตามเมื่อวันเสาร์ที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปิดใจผ่านโพสต์แรกในอินสตาแกรมส่วนตัว supergirl_jaroonsakgym ว่า

“ฉันได้รับชัยชนะเมื่อคืน แต่ฟอร์มการชกของฉันแย่มาก ด้วยการสถานการณ์ไวรัส และการเรียน ทำให้ฉันไม่ได้ลงแข่งขันมาเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน มันไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของฉัน แต่ฉันได้พยายามทำอย่างเต็มที่ตลอดการแข่งขัน”

“ฉันรู้สึกเสียใจที่ผลการตัดสินของกรรมการทำให้แฟน ๆ รู้สึกไม่พอใจ ฉันมีหน้าที่ชก ส่วนหน้าที่ตัดสินเป็นของกรรมการ ซึ่งเกินอำนาจการควบคุมของฉัน และต้องขอโทษด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง”

“และฉันขอแสดงความยินดีกับคู่แข่ง (เอคาเทรินา วานดารีวา) ซึ่งได้รับโบนัสจากการแข่งขันเมื่อคืน คุณยอดเยี่ยมจริง ๆ”

“ศรีสะเกษ-คูเอดราส” ชั่งน้ำหนักรอบแรกผ่านตามกฎเกณฑ์ของ “WBC”

ความเคลื่อนไหวไฟต์ที่แฟนมวยทั่วโลกตั้งตารอชมระหว่าง “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 กับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกชาวเม็กซิกันรองอันดับ 3 ในการชกชิงแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ที่ว่างลง ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้

ล่าสุด ทั้งคู่ได้ผ่านเกณฑ์ของ สภามวยโลก ในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อย โดยตามกฎกติกาของสภามวยโลก นักมวยที่จะขึ้นชกก่อน 30 วัน จะต้องขึ้นชั่งน้ำหนักก่อนครั้งแรก โดยในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (พิกัด 115 ปอนด์) จะต้องมีน้ำหนักไม่เกินเกณท์มากจนเกินไป

แชมป์โลกชาวไทย ชั่งได้ 125.6 ปอนด์ (57 กิโลกรัม) อยู่ในพิกัดที่ไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักจริงในรุ่นที่จะขึ้นชก ขณะที่ กำปั้นชาวเม็กซิกัน ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการทำน้ำหนักแต่ยังมีเกินอยู่เช่นกันที่ 126.1 ปอนด์ (57.2 กิโลกรัม)

ซึ่งทาง วิลเลี่ยม บูดูห์ เจ้าหน้าที่ชาวแคนาดาของสภามวยโลก ผู้รับผิดชอบในเรื่องการตรวจสอบการชั่งน้ำหนัก และข้อกำหนดทางการแพทย์ ได้ยืนยันผลให้กับทั้งคู่เป็นที่เรียบร้อยว่าผ่านตามเกณท์ที่กำหนดอย่างไม่มีปัญหา

โดยถึงเวลานี้เท่ากับว่า กำปั้นชาวไทย ยังมีน้ำหนักเกินอยู่ประมาณ 10 ปอนด์ (4.54 กิโลกรัม) ที่จะต้องลดลง ซึ่งนักมวยทั้งคู่มีเวลาอีก 1 เดือน ที่จะต้องทำน้ำหนักให้อยู่ในพิกัด 115 ปอนด์ ก่อนการขึ้นสังเวียนฟาดปากกัน 1 วัน

สำหรับ เกมการชกระหว่าง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กับ คาร์ลอส คูเอดราส กำปั้นชาวเม็กซิกัน ในการชกชิงแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ ที่สหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่กำหนดสถานที่ชกอย่างเป็นทางการ

“เจเน็ต ท็อดด์” คว้ารางวัลนักกีฬาหญิงยอดเยี่ยม จากศึก วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ปี 64

“เจเน็ต ทอดด์” หลังจากคว้าแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่งรุ่นอะตอมเวตหญิงในปี 2563 ก็หันกลับมาเอาดีด้านมวยไทยในปีนี้

โดยโชว์ฟอร์มเยี่ยมคว้าชัยชนะมาถึงสองไฟต์รวด ทำให้เธอสั่งสมสถิติชนะต่อเนื่องถึง 6 ไฟต์ และได้ “รางวัลนักชกหญิง วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ประจำปี 2564” ไปครองในที่สุด

ปัจจบัน เจเน็ต รั้งอันดับ 1 ของแรงกิงมวยไทย รุ่นอะตอมเวต และกำลังเดินหน้าล่าเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย มาประดับเอวเป็นเส้นที่สอง โดย เจเน็ต เริ่มต้นปี 2564 แบบท็อปฟอร์มในการเอาชนะผู้เข้าชิงอันดับ 4

และอดีตผู้ท้าชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต “อัลมา ยูนิคู” ในศึก ONE: FISTS OF FURY III เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา