เปิดบรรยากาศในฟิลิปปินส์ หลัง “ปาเกียว” แพ้คะแนน “อูกัส” แบบเป็นเอกฉันท์

บรรยากาศที่ประเทศฟิลิปปินส์ บ้านเกิดของ “เดอะแพ็คแมน” แมนนี่ ปาเกียว ยอดมวยเบอร์ 1 ของประเทศ ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความผิดหวังหลังจากที่ยอดกำปั้นของพวกเขาต้องพบกับความปราชัยไฟต์ที่ 8 ในชีวิตกำปั้น

โดยผลการแข่งขันอย่างทีแฟนๆ ทราบกันดีว่า ยอดกำปั้นแดนปินส์ เป็นฝ่ายแพ้คะแนน ยอร์เดนิส อูกัส กำปั้นชาวคิวบา ไปแบบเอกฉันท์ (115-113, 116-112 และ 116-112) ที่สังเวียน ที-โมบาย อารีน่า, ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564

โดยที่โบสถ์ของ แมนนี่ ปาเกียว ในเมือง เจเนรัล ซานโตส ทางตอนใต้ของเกาะมินดาเนา ได้มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันไฟต์นี้ให้ชมกันแบบสดๆ แต่หลังการชกจบลงทุกคนต่างก็ต้องผิดหวังไปตามๆ กัน หลังกำปั้นขวัญใจพลาดโอกาสทวงเข็มขัดแชมป์โลก ซูเปอร์ของ สมาคมมวยโลก (WBA) รุ่นเวลเตอร์เวต กลับมาคาดที่เอวอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามรูปเกมในไฟต์นี้ต้องยอมรับว่า ตัวของแชมป์โลก 8 รุ่น ที่อายุปาเข้าไป 43 ปีนั้น แม้จะมีใจสู้เกิน 100 เหมือนเดิม แต่กับสภาพร่างกายของเจ้าตัวถือว่าไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพลังกำปั้น และ ความเร็ว ยิ่งมาเจอกับ ยอร์เดนิส อูกัส ที่ตัวใหญ่กว่า และมีช่วงชกที่ยาวกว่าทำให้ยากที่จะต่อกรด้วย ถึงตอนนี้ก็ต้องรอการประกาศจากเจ้าตัวว่าจะเอาอย่างไรกับเส้นทางการค้ากำปั้นต่อจากนี้

หมัดหนักไม่แพ้กัน “นิโก้ อาลี” หลานชาย “มูฮัมหมัด อาลี” เปิดตัวชกอาชีพไฟต์แรก

กลายเป็นที่จับตามองในวงการกำปั้นทันทีสำหรับ นิโก้ อาลี วอลช์ กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ หลายชายแท้ๆ ของ มูฮัมหมัด อาลี นักชกระดับตำนาน แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต ที่ขึ้นสังเวียนมวยอาชีพเป็นครั้งแรก

โดย กำปั้นวัย 21 ปี เดินตามรอยเท้าของคุณปู่ผู้ล่วงลับได้อย่างน่าประทับใจ หลังขึ้นสังเวียน ฮาร์ด ร็อก โฮเทล, ทัลซ่า พบกับ จอร์แดน วีคส์ นักชกวัย 29 ปี ที่ประสบการณ์เหนือกว่า (ชนะ 4 แพ้ 1) ในพิกัดรุ่นมิดเดิ้ลเวต

อย่างไรก็ตาม เกมการชกจบลงเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น เมื่อ นิโก้ อาลี ออกสเต็ปฟุตเวิร์ค ดักปล่อยหมัดฮุกขวาเข้าเต็มคางส่ง จอร์แดน วีคส์ หล่นลงไปให้กรรมการนับ 8 ก่อนคู่ชกจะกัดฟันลุกขึ้นมาสู้ต่อ

จากนั้น นิโก้ อาลี ไม่ปล่อยโอกาสทองเดินติดปล่อยหมัดหนักๆ เล่นงานเป็นชุด ทำให้กรรมการตัดสินใจยุติการชกหลังมองว่าคู่ชกไม่สามารถสู้ต่อได้ คว้าชัยไฟต์เปิดตัวโดยใช้เวลาเพียงแค่ 70 วินาทีเท่านั้น

หลังการชก กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ เปิดใจว่า “มันเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามความคาดหวังของผม และแน่นอน คุณปู่ของผม ผมคิดถึงท่านมาก”

“กำปั้นบราซิล” พลิกสถานการณ์จนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020

กลายเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากสำหรับเกมการแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่น รุ่นมิดเดิ้ลเวต ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว บนสังเวียน เรียวโกกุ โคคุกิคัน อารีน่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2564 ทีผ่านมา

โดยรอบชิงเหรียญทอง เฮแบร์ต ซูซ่า กำปั้นจากประเทศบราซิล พบกับ โอเล็กซานเดอร์ คีซห์เนียค นักชกชาวยูเครน ซึ่งรูปเกมในช่วง 2 ยกแรก กำปั้นแซมบ้า ตกเป็นรองแบบสุดกู่แพ้คะแนนอยู่ 9-10 ทั้งสองยก

ซึ่งในช่วงยกสุดท้าย เฮแบร์ต ซูซ่า ต้องเดินหน้าเพื่อปิดบัญชีคู่ชกเท่านั้น ถึงจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาหยิบเหรียญทองได้ หลังคะแนนเป็นรอง 18-20 จากกรรมการทั้ง 5 ท่าน

อย่างไรก็ตาม นักชกวัย 23 ปี ก็ทำได้สำเร็จเมื่อตัดสินใจแลกหมัดแบบบ้าคลั่ง ก่อนทิ้งซ้ายเข้าเต็มคางส่ง โอเล็กซานเดอร์ คีซห์เนียค หงายท้องตึงลงไปให้กรรมการนับ ก่อนยุติการชกไปในท้ายที่สุด

จากชัยชนะในครั้งนี้ของ เฮแบร์ต ซูซ่า กำปั้นชาวบราซิล ถือเป็นคู่มวยสุดพลิกล็อกที่เกิดขึ้นในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ในครั้งนี้ทันที และเชื่อว่ามันจะอยู่ในความทรงจำของแฟนกำปั้นไปอีกนาน

“กำปั้นโคลอมเบีย” ถึงกับงง หลังไล่ถลุง “นักชกเจ้าภาพ” แต่กลับแพ้คะแนนขาดลอย

ยังคงเป็นประเด็นที่ทำให้หลายชาติแปลกใจกับผลการตัดสินในการแข่งขันกีฬามวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแม้หนนี้ทาง คณะกรรมการโอลิมปิกสากล จะยุติบทบาทของ สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (IBA) ในการเข้าร่วมจัดการแข่งขันแล้วก็ตาม

แต่ล่าสุด ในการแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่นชาย รุ่นฟลายเวต (พิกัด 48 – 52 กก.) รอบ 8 คนสุดท้าย

ระหว่าง ยูเบอร์เยน มาร์ติเนซ กำปั้นชาวโคลอมเบีย ดีกรีเหรียญเงิน ริโอ 2016 กับ เรียวเมะ ทานากะ นักชกเจ้าถิ่น ก็เกิดเรื่องที่ทำให้แฟนมวยต้องแปลกใจอีกครั้ง

โดยเกมการชกต้องบอกว่าเดือดตั้งแต่ระฆังดัง กำปั้นทั้งคู่ออกมาเปิดฉากแลกหมัดกันไม่มีพัก ก่อนที่จบยกแรก ยูเบอร์เยน มาร์ติเนซ จะเป็นฝ่ายเอาชนะ 4-1 เสียง ส่วนในยกที่ 2 นักชกจากญี่ปุ่น เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-2 ทำให้ต้องไปวัดกันในยกสุดท้าย ซึ่งกรรมการต่างพร้อมใจเทคะแนนให้ กำปั้นเจ้าภาพ เอาชนะไปได้ 5-0 เสียง

ครบ 3 ยก กรรมการ 5 ท่าน รวมคะแนนก่อนชูมือให้ เรียวเมะ ทานากะ พลิกเอาชนะไปด้วยคะแนน 4-1 เสียง ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พร้อมการันตีเหรียญทองแดง สร้างความแปลกใจให้กับแฟนกำปั้นเพราะรูปเกมนั้น นักชกโคลอมเบีย ต่อยเข้าเป้าได้มากกว่า ในขณะที่ ทานากะ เน้นปล่อยหมัดชุดแต่เข้าเป้าน้อยกว่า

นอกจากนี้หลังเกมการชกจบลง เรียวเมะ ทานากะ นักชกเจ้าถิ่นที่เป็นฝ่ายคว้าชัย ได้รับความบอบช้ำอย่างหนัก ถึงขั้นลุกเดินกลับเข้าห้องพักนักกีฬาเองไม่ได้ ต้องให้ทีมงานใช้รถเข็นมารับที่ข้างสังเวียน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการเป็นการด่วน

ด้าน ยูเบอร์เยน มาร์ติเนซ กำปั้นชาวโคลอมเบีย ให้สัมภาษณ์กับ คาราโคล สถานีโทรทัศน์ในบ้านเกิดว่า “ผมไม่รู้ว่าผู้ตัดสินเห็นอะไรในการต่อสู้ แต่วันนี้ผมต้องพ่ายแพ้ ผมต้องการความยุติธรรม หลายครั้งการให้คะแนนของกรรมการดูจะไม่ถูกต้อง เราต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน แต่ทางฝ่ายจัดกลับปล่อยให้มีการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นได้อย่างไร”

สำหรับชัยชนะในครั้งนี้ของ เรียวเมะ ทานากะ กำปั้นจากจังหวัดกิฟุ ทำให้ประเทศญี่ปุ่น สามารถคว้าเหรียญรางวัล ในกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวต ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 61 ปี ซึ่งเจ้าตัวเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ โคเซะ ทานากะ นักชกแชมป์โลก 3 รุ่นของ องค์กรมวยโลก (WBO) นั่นเอง