“โกลอฟกิ้น” ปิดบัญชี “มุราตะ” ในยกที่ 9 พร้อมคว้าเข็มขัดแชมป์โลก เส้นที่ 3 ไปครอง

การแข่งขันชกมวยชิงแชมป์โลก รุ่นมิดเดิ้ลเวท “ทริปเปิ้ลจี” เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น แชมป์โลก 2 สถาบัน ชาวคาซัคสถาน (IBF, IBO) ขึ้นสังเวียนเดิมพันแชมป์กับ เรียวตะ มุราตะ กำปั้นชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี แชมป์สมาคมมวยโลก (WBA) ที่ ไซตามะ ซูเปอร์อารีน่า, ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา

เปิดฉากมาในช่วงแรก เรียวตะ มุราตะ กำปั้นเจ้าถิ่นทำได้ดีกว่าด้วยการเดินออกหมัดยาวๆ และตามด้วยหมัดหนึ่งสองเข้าโจมตีต่อเนื่อง เรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ในบ้านที่ตามมาเชียร์แน่นสนาม ขณะที่ โกลอฟกิ้น พยายามเดินติดเพื่อออกหมัดเล่นงานสวน

จุดเปลี่ยนของเกมมาเกิดขึ้นในยกที่ 6 เมื่อ กำปั้นชาวคาซัคสถาน ได้โอกาสปล่อยฮุกขวาเข้าปลายคางนักชกญี่ปุ่นทำเอาฟันยางกระเด็น และทำให้เจ้าตัวช็อตไปดื้อๆ ก่อนโดนถลุงชุดใหญ่จนสภาพร่างกายบอบช้ำไปมาก

เกมดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด กำปั้นทั้งคู่เดินแลกหมัดกันชนิดไม่มีใครยอมใคร จนเข้าสู่ยก 9 “ทริปเปิ้ลจี” เป็นฝ่ายคุมเกมเดินออกหมัดหนักๆ เล่นงาน ก่อนที่ในช่วงเหลืออีก 55 วินาทีของยก กำปั้นชาวคาซัคสถาน จะทิ้งหมัดขวาเข้าปลายคางทำเอา เรียวตะ มุราตะ ทรุดลงไปให้กรรมการนับก่อนที่พี่เลี้ยงจะตัดสินใจโยนผ้าขอยอมแพ้

ทำให้ “ทริปเปิ้ลจี” เกนนาดี้ โกลอฟกิ้น คว้าแชมป์โลก รุ่นมิดเดิ้ลเวท 3 สถาบัน IBF, WBA และ IBO ในวัย 40 ปี พร้อมทั้งเพิ่มสถิติชนะ 42 เสมอ 1 และแพ้เพียงครั้งเดียว และมีความเป็นไปได้ที่จะกลับไปเปิดศึกภาค 3 กับ ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ กำปั้นชาวเม็กซิกัน

“เอ็มมานูเอล” ลูกชายของ “ปาเกียว” ได้ขึ้นชกประเดิมไฟต์แรกของตัวเองแล้ว ที่ USA

“เดอะ แพ็คแมน” แมนนี่ ปาเกียว อดีตยอดกำปั้นระดับตำนานชาวฟิลิปปินส์ ถึงกับยิ้มไม่หุบเมื่อจะมีผู้สืบทอดบนสังเวียนต่อจากเขาในอนาคตแน่นอนแล้ว หลัง เอ็มมานูเอล ปาเกียว จูเนียร์ ลูกชายของเขาตัดสินใจเลือกเดินทางตามรอยเท้าผู้เป็นพ่อ

โดยภายหลังจาก 6 เดือนที่ กำปั้นจอมเก๋าวัย 43 ปี ตัดสินใจยุติเส้นทางหมัดมวยหลังประกาศว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในบ้านเกิด ในการเลือกตั้งปี 2022 ภายใต้ พรรค PDP-Laban (กลุ่มลาบัน) ที่เจ้าตัวสังกัดในปัจจุบัน

ปาเกียว จูเนียร์ ก็ได้เริ่มต้นการเดินทางของตัวเองในฐานะนักกีฬา และมองหาการสานต่อมรดกของครอบครัว ด้วยการเดินทางไปเก็บตัวฝึกอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนที่ล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กำปั้นวัย 21 ปี จะประเดิมการชกครั้งแรกในแบบมวยสากลสมัครเล่นในรุ่นจูเนียร์ เวลเตอร์เวต ที่ House of Boxing เมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย

ซึ่งผลการแข่งขันปรากฎว่า เอ็มมานูเอล ปาเกียว จูเนียร์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนน อันเดรส โรซาเลส ไปได้แบบเอกฉันท์ ท่ามกลางแฟนกำปั้นที่เดินทางเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากชื่อเสียงของผู้เป็นพ่อที่สร้างเอาไว้บนแผ่นดินมะกัน

ปาเกียวพูดถึงไฟต์แรกของลูกชาย

งานนี้ อดีตแชมป์โลก 8 รุ่น คนแรกและคนเดียวของโลก ถึงกับโพสต์ภาพ และข้อความว่า “ยินดีด้วยกับลูกชายในการต่อสู้ และเป็นฝ่ายชนะในการแข่งขันระดับสมัครเล่นที่สหรัฐฯ ครั้งแรกของเขา ฉันภูมิใจในตัวเขามาก” #ทีมปาเกียว

สำหรับ เอ็มมานูเอล ปาเกียว จูเนียร์ ถือเป็นลูกชายคนเดียวจากบรรดาลูกๆ ทั้งหมด 5 คน ที่สนใจในกีฬากำปั้น ซึ่งแม้ในช่วงแรกตัวของ ปาเกียว จะไม่สนับสนุนให้ลูกชายเบนเข็มมาสู่วงการกำปั้นเนื่องจากรู้ดีว่าจะได้รับผลกระทบจากการบาดเจ็บมากมาย แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมให้ลูกได้ทำตามความฝัน

ขณะที่ แมนนี่ ปาเกียว ได้รับการยกย่องจากวงการกำปั้นโลก เป็นเจ้าของแชมป์โลก 8 รุ่น คนแรกและคนเดียวของโลกที่ทำได้ มีสถิติชนะ 62 แพ้ 8 เสมอ 2 ครั้ง และติดโผนักกีฬาที่ทำเงินได้มากที่สุดแห่งทศวรรษ 2010 (ในช่วงระหว่างปี 2010-2019) โกยไปได้มากถึง 435 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 13,106 ล้านบาท) ติดอันดับที่ 8 ในการจัดอันดับของ ฟอร์บส์ (Forbes) นิตยสารทางการเงินชื่อดังของสหรัฐอเมริกา

“อาเมียร์ ข่าน” โดนจับแพ้แบบทีเคโอ ให้กับ “เคลล์ บรู๊ก” ยกที่ 6 พร้อมส่อแววแขวนนวม

การแข่งขันชกมวย ระหว่าง อาเมียร์ ข่าน ยอดกำปั้นชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน กับ เคลล์ บรู๊ก กำปั้นจอมเก๋าชาวอังกฤษวัย 35 ปี ที่สังเวียน เอโอ อารีน่า, เมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

เปิดเกมยกแรก อาเมียร์ ข่าน อาศัยความไวออกหมัดแย็บซ้ายเล่นงานแล้วตามด้วยหมัดชุดจากนั้นก็ฉากหนีวนออกข้าง ขณะที่ เคลล์ บรู๊ก ก็พยายามเดินติดเพื่อออกหมัดเล่นงานคืน โดยมีขวานำแล้วตามด้วยซ้ายยาวๆ โจมตี

เกมการชกในช่วงยกที่สอง – ยกที่สี่ ยังคงเหมือนเดิม กำปั้นเชื้อสายปากีสถาน ยังเดินออกหมัดแย็บแล้ววนหนี ขณะที่ เคลล์ บรู๊ก เริ่มเดินเร็วขึ้นออกหมัดหนักๆ ตัดลำตัวและใบหน้าซึ่งก็ทำเอา อาเมียร์ ข่าน ดูช้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด

เข้าสู่ยกที่ห้า สถานการณ์เริ่มชัดขึ้นเมื่อ เคลล์ บรู๊ก คุมเกมเอาไว้ได้หมดเดินออกหมัดหนักๆ เล่นงานต่อเนื่องทำเอา อาเมียร์ ข่าน เอนไปเอนมาเมื่อโดนหมัดเข้าหน้า แถมความเร็วดูลดลงไปอย่างชัดเจนไม่มีการฉากหลบเหมือนตอนต้นยก

ยกหก เคลล์ บรู๊ก ออกมาเดินเร่งเครื่องทันทีระดัมหมัดเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ทำเอา อาเมียร์ ข่าน ได้แต่ป้องกันตัวจนท้ายสุด กรรมการตัดสินใจเข้ามาขวางและยุติการชกไปในที่สุด เนื่องจากมองว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสู้ต่อไป

ทำให้ เคลล์ บรู๊ก กำปั้นจอมเก๋าชาวอังกฤษเป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอ ไปได้ในยกที่ 6 ด้วยเวลา 51 วินาที เพิ่มสถิติเป็นชนะ 40 แพ้ 3 ครั้ง ขณะที่ อาเมียร์ ข่าน แพ้เป็นครั้งที่ 6 ในชีวิตการชก 40 ไฟต์ ซึ่งหลังจบไฟต์ กำปั้นชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน เปรยว่าอาจถึงเวลาต้องแขวนนวมหลังจากหมดไฟในการชกแล้ว

“โรดริเกซ” ชนะคะแนน “คูเอดราส” พร้อมคว้าแชมป์โลก WBC

“ไอ้หลังลาย” คาร์ลอส คูเอดราส สิ้นฤทธิ์ โดนทีเด็ดของนักชกรุ่นน้องอย่าง เจสซี โรดริเกซ เล่นงาน พลาดเข็มขัดแชมป์โลก WBC ในรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต ไปอย่างน่าเสียดาย

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 การแข่งขันมวยสากลชิงแชมป์โลก ที่สังเวียนฟุตปรินท์ เซ็นเตอร์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งคู่เอกเป็นการชิงแชมป์โลกที่ว่าง รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ของสภามวยโลก (WBC)

ระหว่าง คาร์ลอส คูเอดราส รองอันดับ 3 ชาวเม็กซิโก พบกับ เจสซี โรดริเกซ กำปั้นอนาคตไกลวัย 22 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งขึ้นชกแทน “แหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

ในไฟต์นี้ เจสซี โรดริเกซ ที่หนุ่มกว่า โชว์ความสดไล่ต่อย คูเอดราส ลงไปนับ 8 ในยกที่ 3 จากนั้นนักชกชาวอเมริกัน ก็ยังคงโชว์จังหวะชั้นเชิง และความเร็วที่เหนือกว่าจนครบ 12 ยก

ซึ่งหลังจากรวมคะแนน ปรากฏว่า เจสซี โรดริเกซ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนน คาร์ลอส คูเอดราส ไปแบบเป็นเอกฉันท์ 117-110, 117-110 และ 115-112 คว้าแชมป์โลกไปครองในที่สุด

นอกจากนี้ เจสซี “แบม” โรดริเกซ ยังเพิ่มสถิติไร้พ่ายของตัวเอง เป็นชนะรวด 15 ไฟต์ และเป็นการชนะน็อกไปถึง 10 ครั้ง

เปิดค่าตัว “ศรีสะเกษ” หากได้ขึ้นชกกับ “คูเอดราส” ในไฟต์ชิงแชมป์โลก

ถือเป็นไฟต์ที่ทำให้แฟนชาวไทยผิดหวังมากทีเดียวกับการที่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 ในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) พลาดโอกาสขึ้นชกชิงแชมป์โลกกับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกชาวเม็กซิกัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

โดยไฟต์ดังกล่าว กำปั้นชาวไทยวัย 35 ปี เกิดมีปัญหาในเรื่องของสภาพร่างกายทำให้ต้องถอนตัวจากการชก ซึ่งแพทย์ที่เดินทางมาตรวจเผยว่าเป็นอาการของไตอักเสบ ที่เกิดจากภาวะขาดนํ้า ทำให้ไตต้องทำงานหนักจนเกิดการอักเสบ

ซึ่งแน่นอนเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นโต้เถียงกันในกลุ่มแฟนมวยบ้านเราว่าอาจมีการแกล้งป่วยเพื่อล้มมวยเกิดขึ้น โดยยอมไม่ขึ้นชกเพื่อแลกกับเงินก้อนโตจากฝ่ายจัดเพื่อเปิดทางให้กับ “แบม” เจสซี่ โรดริเกวซ กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ ที่กลายเป็นแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) คนใหม่ในที่สุด

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์ใหญ่แห่งนครหลวงโปรโมชั่น ออกมายืนยันว่าไม่มีการล้มมวยอย่างที่แฟนบางกลุ่มออกมาโจมตีอย่างแน่นอน “ไม่มีการล้มมวยแน่นอน รู้หรือไม่ ผมไปอเมริกาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ต้องเสียเงินไปเอง 1 ล้านบาทสำหรับค่าใช้จ่ายครั้งนี้”

พร้อมกันนี้ “เสี่ยฮุย” ยังเปิดเผยอีกว่า ศรีสะเกษ ก็เสียใจไม่แพ้แฟนมวยที่อยากชม เพราะเจ้าตัวก็ต้องอดได้เงินค่าตัวถึง 2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากทั้งที่ไม่ได้เป็นแชมป์โลก รวมทั้งยังอดได้เงินอัดฉีดจาก M-150 สปอนเซอร์อีก 1 ล้านบาท หากชนะกลับมา นั่นเท่ากับว่าเขาพลาดได้เงินไปถึง 3 ล้านบาทเลยทีเดียว

“เสี่ยฮุย” แจงชัดทุกเรื่อง ทำไม “ศรีสะเกษ” ต้องถอนตัวจากการชก

จากกรณีที่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต จะไม่สามารถขึ้นชิงแชมป์โลกกับ คาร์ลอส คูเอดราส ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 นี้อย่างแน่นอนแล้ว

โดยสาเหตุเกิดจากการที่ กำปั้นชาวไทยวัย 35 ปี ที่เดินทางไปเก็บตัวที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมตัวสำหรับไฟต์สำคัญ เกิดมีอาการปวดท้องบริเวณข้างซ้ายอย่างหนัก ก่อนที่ทางทีมงานจะเรียกแพทย์ให้มาตรวจอย่างละเอียดที่โรงแรม

ซึ่ง สตีเว่น ริคกี้ แพทย์ที่เดินทางมาตรวจถึงห้องพักชี้้ว่าอาการไม่สู้ดีนักให้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียด ก่อนที่จะเผยผลตรวจว่ามีอาการของโรคไตอักเสบ และจำเป็นต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวอีกสักระยะ ทำให้ไม่สามารถที่จะฟื้นตัวเพื่อขึ้นชกในไฟต์สำคัญดังกล่าวได้

ล่าสุด “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ เจ้าของค่ายนครหลวงโปรโมชั่น ได้ออกมาเผยถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “ในตอนแรกนั้นทาง Matchroom Boxing ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ขอเวลาตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรเนื่องจากถือเป็นคู่เอกของรายการ และขอให้อย่าเพิ่งให้ข่าวกับใคร”

“แต่พอผลตรวจอย่างละเอียดออกมาว่าเป็นอาการของไตอักเสบ ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบ หรือ เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่อย่างใดตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เราต้องถอนตัวจากการชก ซึ่งพออาการดีขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลมาพักต่อที่โรงแรม แต่สภาพร่างกายก็ยังอ่อนเพลียอยู่”

พร้อมกันนี้ โปรโมเตอร์ใหญ่วัย 72 ปี ยืนยันว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการใช้ยาขับปัสสาวะในการลดน้ำหนักอย่างที่แฟนมวยหลายรายเข้าใจ เพราะทางค่ายไม่มีแนวทางลดน้ำหนักแบบนั้นเพราะมันเป็นเรื่องต้องห้ามในวงการกีฬา และที่ผ่านมาตัวของ ศรีสะเกษ ก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน

“ผมยอมรับว่าผิดหวัง และเสียดายมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนที่ ศรีสะเกษ เข้าโรงพยาบาล ตัวของเขายังคิดว่าถ้าออกจากโรงพยาบาลก็จะสามารถกลับขึ้นชิงแชมป์โลกได้ ซึ่งท้ายสุดเขาก็เสียใจ แต่ทำอย่างไรได้ความปลอดภัยต้องมาก่อน จากนี้ก็เตรียมกลับไทยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้” เสี่ยฮุย เปิดใจ

ทำให้ทาง Matchroom Boxing ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวคู่ชกในคู่เอก ของการชิงแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ที่ว่าง ให้เป็น เจสเซ่ โรดริเกวซ นักชกชาวสหรัฐฯ วัย 22 ปี ขึ้นชกกับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกจังโก้แทนในเวลาต่อมา

“มักซาโย่” กำปั้นฟิลิปปินส์ ชนะคะแนน “รัสเซลล์” คว้าแชมป์โลก WBC

การแข่งขันชกมวยโลก SHOWTIME คู่เอกของรายการ แกรี่ รัสเซลล์ จูเนียร์ นักชกสหรัฐฯ เจ้าของแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นเฟเธอร์เวต พบกับ มาร์ก มักซาโย่ ผู้ท้าชิงชาวฟิลิปปินส์ ที่เบอร์โกต้า โฮเทล คาสิโน, แอตแลนต้า, ประเทศสหรัฐฯ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา

เปิดฉากช่วงยกต้นๆ มาร์ก มักซาโย่ ผู้ท้าชิงไม่มีกลัวเดินลุยออกหมัดหนักๆ เล่นงาน แถมมีหมัดอัปเปอร์คัตขวาตัวลำตัวเป็นระยะ ขณะที่ แกรี่ รัสเซลล์ ยังวนอยู่วงนอกเน้นออกหมัดแย็บซ้ายนำ และดักปล่อยขวาเล่นงานใบหน้าได้จะแจ้ง

เข้าสู่ยกสี่ กำปั้นปินส์ มาได้โอกาสปล่อยหมัดโดนในช่วงต้นยกทำเอา แชมป์โลก เซไปติดเชือกจากนั้นระดมหมัดใส่ไม่ยั้ง แต่ก็ปิดบัญชีไม่ลงเนื่องจาก แกรี่ รัสเซลล์ ฉากหนีออกมาผ่อนระยะแล้วดักปล่อยหมัดสวนเหมือนเดิม

เกมยังสนุกช่วงยก 7-8 กำปั้นทั้งคู่ต่างเปิดเกมแลกกันในสไตล์ถนัด มาร์ก มักซาโย่ อาศัยเดินลุยออกหมัดชุดเล่นงานแบบต่อเนื่อง ขณะที่ กำปั้นเจ้าถิ่น อาศัยดึงจังหวะแล้วหาช่องปล่อยหมัดสวนตอบโต้เข้าหน้าได้หลายครั้งเหมือนกัน

รูปเกมการชกยืดเยื้อจนมาถึงยกสุดท้าย มาร์ก มักซาโย่ เดินลุยเหมือนเดิมไล่ออกหมัดโจมตีใส่ทั้งซ้ายและขวา ขณะที่ แกรี่ รัสเซลล์ ก็มั่นใจในตัวเองว่าคะแนนนำ ไม่เน้นปะทะอาศัยดึงจังหวะฉากแล้วออกหมัดตอบโต้

ครบ 12 ยก กรรมการรวมคะแนนก่อนชูมือให้ มาร์ก มักซาโย่ นักชาวชาวฟิลิปปินส์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้แบบเสียงข้างมาก 114-114, 115-113 และ 115-113 กลายเป็นแชมป์โลก รุ่นเฟเธอร์เวต ของ สภามวยโลก (WBC) คนใหม่ทันที ทำให้ แกรี่ รัสเซลล์ จูเนียร์ เสียแชมป์หลังจากป้องกันมาได้นานเกือบ 7 ปี

สำหรับ มาร์ก มักซาโย่ กำปั้นวัย 26 ปี เริ่มต้นชกมวยตั้งแต่อายุเพียงแค่ 8 ขวบ โดยลงแข่งขันในมวยสมัครเล่นกว่า 200 ครั้ง คว้าแชมป์ 4 สมัย ของสมาคมมวยสมัครเล่นแห่งฟิลิปปินส์ (ABAP) และคว้าตำแหน่งนักมวยยอดเยี่ยม 2 สมัย

เบนเข็มสู่มวยอาชีพเมื่อปี 2013 ซึ่งไฟต์ที่น่าจะเป็นที่จดจำของแฟนกำปั้นชาวไทยก็คือการชนะคะแนน ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ เมื่อปี 2019 ก่อนซ็นสัญญาภายใต้ MP Promotions (สังกัดของ แมนนี่ ปาเกียว) เมื่อต้นปี 2020 ซึ่งถึงปัจจุบันเจ้าตัวมีสถิติชนะรวด 24 ไฟต์ (ชนะน็อก 16 ครั้ง) และยังไม่เคยปราชัยให้กับคู่ชกรายไหนบนเส้นทางการชกอาชีพ

ONE ประกาศสั่งรีแมตช์ “ซุปเปอร์เกิร์ล vs บาร์บี้” ทันที

ความคืบหน้ากรณีไฟต์ดรามาค้านสายตาทั่วโลก ระหว่างนักมวยสาวไทย “ซุปเปอร์เกิร์ล จรูญศักดิ์มวยไทย” วัย 18 ปี กับคู่แข่งหญิงแกร่งเบลารุส “บาร์บี้” เอคาเทรินา วานดารีวา วัย 30 ปี ซึ่งชกในกติกามวยไทย 3 ยก ศึก ONE: Heavy Hitters เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.65 ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยหลังจากที่ทาง ONE ไม่มีนโยบายรีวิวการแข่งขันย้อนหลังตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป จึงประกาศจัดให้มีการรีแมตช์ทันที!

ด้านนักมวยสาวไทยวัย 18 ปี “ซุปเปอร์เกิร์ล” หลังลงจากเวทีแข่งขัน เธอเดินทางไปเช็กร่างกายที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ และขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น โดยขณะนี้กักตัวอยู่ที่ภูเก็ต และยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดจนกระทั่งขณะนี้ เพราะยังไม่พร้อมกับการแบกรับกระแสดรามาอย่างหนักที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากเหตุที่กรรมการตัดสินให้เธอเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่เอกฉันท์ (2:1 เสียง)

อย่างไรก็ตามเมื่อวันเสาร์ที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปิดใจผ่านโพสต์แรกในอินสตาแกรมส่วนตัว supergirl_jaroonsakgym ว่า

“ฉันได้รับชัยชนะเมื่อคืน แต่ฟอร์มการชกของฉันแย่มาก ด้วยการสถานการณ์ไวรัส และการเรียน ทำให้ฉันไม่ได้ลงแข่งขันมาเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน มันไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของฉัน แต่ฉันได้พยายามทำอย่างเต็มที่ตลอดการแข่งขัน”

“ฉันรู้สึกเสียใจที่ผลการตัดสินของกรรมการทำให้แฟน ๆ รู้สึกไม่พอใจ ฉันมีหน้าที่ชก ส่วนหน้าที่ตัดสินเป็นของกรรมการ ซึ่งเกินอำนาจการควบคุมของฉัน และต้องขอโทษด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง”

“และฉันขอแสดงความยินดีกับคู่แข่ง (เอคาเทรินา วานดารีวา) ซึ่งได้รับโบนัสจากการแข่งขันเมื่อคืน คุณยอดเยี่ยมจริง ๆ”

“ศรีสะเกษ-คูเอดราส” ชั่งน้ำหนักรอบแรกผ่านตามกฎเกณฑ์ของ “WBC”

ความเคลื่อนไหวไฟต์ที่แฟนมวยทั่วโลกตั้งตารอชมระหว่าง “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นชาวไทยรองอันดับ 1 กับ คาร์ลอส คูเอดราส นักชกชาวเม็กซิกันรองอันดับ 3 ในการชกชิงแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ที่ว่างลง ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้

ล่าสุด ทั้งคู่ได้ผ่านเกณฑ์ของ สภามวยโลก ในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อย โดยตามกฎกติกาของสภามวยโลก นักมวยที่จะขึ้นชกก่อน 30 วัน จะต้องขึ้นชั่งน้ำหนักก่อนครั้งแรก โดยในรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (พิกัด 115 ปอนด์) จะต้องมีน้ำหนักไม่เกินเกณท์มากจนเกินไป

แชมป์โลกชาวไทย ชั่งได้ 125.6 ปอนด์ (57 กิโลกรัม) อยู่ในพิกัดที่ไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์ของน้ำหนักจริงในรุ่นที่จะขึ้นชก ขณะที่ กำปั้นชาวเม็กซิกัน ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการทำน้ำหนักแต่ยังมีเกินอยู่เช่นกันที่ 126.1 ปอนด์ (57.2 กิโลกรัม)

ซึ่งทาง วิลเลี่ยม บูดูห์ เจ้าหน้าที่ชาวแคนาดาของสภามวยโลก ผู้รับผิดชอบในเรื่องการตรวจสอบการชั่งน้ำหนัก และข้อกำหนดทางการแพทย์ ได้ยืนยันผลให้กับทั้งคู่เป็นที่เรียบร้อยว่าผ่านตามเกณท์ที่กำหนดอย่างไม่มีปัญหา

โดยถึงเวลานี้เท่ากับว่า กำปั้นชาวไทย ยังมีน้ำหนักเกินอยู่ประมาณ 10 ปอนด์ (4.54 กิโลกรัม) ที่จะต้องลดลง ซึ่งนักมวยทั้งคู่มีเวลาอีก 1 เดือน ที่จะต้องทำน้ำหนักให้อยู่ในพิกัด 115 ปอนด์ ก่อนการขึ้นสังเวียนฟาดปากกัน 1 วัน

สำหรับ เกมการชกระหว่าง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กับ คาร์ลอส คูเอดราส กำปั้นชาวเม็กซิกัน ในการชกชิงแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ ที่สหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่กำหนดสถานที่ชกอย่างเป็นทางการ

“เจเน็ต ท็อดด์” คว้ารางวัลนักกีฬาหญิงยอดเยี่ยม จากศึก วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ปี 64

“เจเน็ต ทอดด์” หลังจากคว้าแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่งรุ่นอะตอมเวตหญิงในปี 2563 ก็หันกลับมาเอาดีด้านมวยไทยในปีนี้

โดยโชว์ฟอร์มเยี่ยมคว้าชัยชนะมาถึงสองไฟต์รวด ทำให้เธอสั่งสมสถิติชนะต่อเนื่องถึง 6 ไฟต์ และได้ “รางวัลนักชกหญิง วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ประจำปี 2564” ไปครองในที่สุด

ปัจจบัน เจเน็ต รั้งอันดับ 1 ของแรงกิงมวยไทย รุ่นอะตอมเวต และกำลังเดินหน้าล่าเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย มาประดับเอวเป็นเส้นที่สอง โดย เจเน็ต เริ่มต้นปี 2564 แบบท็อปฟอร์มในการเอาชนะผู้เข้าชิงอันดับ 4

และอดีตผู้ท้าชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต “อัลมา ยูนิคู” ในศึก ONE: FISTS OF FURY III เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา

รวบรวมข่าวสาร วงการมวยสากล จากทั่วทุกมุมโลก !!